คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1524/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยมอบที่ดินให้โจทก์เข้าครอบครองยึดถือทำต่างดอกเบี้ยเงินกู้นั้น แม้โจทก์จะได้ครอบครองมาช้านานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางเสมมารดาจำเลยขายฝากที่ดินไว้แก่โจทก์ กำหนดไถ่คืนภายใน ๖ เดือน โจทก์ครอบครองมาพ้น ๖ เดือนแล้ว นางเสมไม่ไถ่ กลับขึ้นเอาเงินไปอีกแล้วยอมยกที่ดินขายขาดให้เป็นสิทธิแก่โจทก์ โจทก์ได้ครอบครองมาจนนางเสมวายชนม์ไป ๑๐ ปีเศษแล้ว จำเลยเป็นบุตร์นางเสมกลับแสดงตนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินรายพิพาทเป็นของโจทก์
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ได้เข้าครอบครองที่พิพาทในชั้นแรกโดยการขายฝาก เมื่อครบกำหนดแล้วไม่ไถ่ โจทก์ยังคงครอบครองต่อมาโดยลักษณจะยึดถือเพื่อตน เป็นเวลากว่า ๑๐ ปี ย่อมได้กรรมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา ๑๓๔๒ จึงพิพากษาให้ที่พิพาทเป็นสิทธิ์แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า สัญญาที่โจทก์อ้างเป็นสัญญากู้เงิน แล้วมอบโฉนดและที่ดินให้โจทก์ยึดและทำต่างดอกเบี้ย โจทก์จะอ้างอำนาจครอบครองโดยปรปักษ์หาได้ไม่จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาศาลฎีกาเห็นว่าพะยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่า ได้มีการขายฝากหรือขายขาดดังที่โจทก์อ้าง เพราะที่พิพาทมีโฉนดแล้วแต่ไม่ได้ไปจดทะเบียนทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันต่อเจ้าพนักงาน และหนังสือสัญญาที่โจทก์อ้าง มีข้อความปรากฎชัดว่าเป็นสัญญากู้และมอบโฉนดกับที่ดินให้โจทก์ทำต่างดอกเบี้ยฉะนั้นการที่โจทก์เข้าครอบครองที่รายนี้ ก็เท่ากับปกครองแทนนางเสมจะช้านานเท่าใดย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาโจทก์

Share