แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขายฝากที่ดินแก่เขาไว้โดยทำสัญญาและจดทะเบียนแล้ว ภายหลังทำสัญญากันเองว่าจะขายขาดที่นั้นให้แก่เขาโดยได้รับเงินมัดจำจากเขาแล้ว กำหนดจะไปทำการโอนกันต่อไป แต่ก่อนถึงกำหนดวันไปทำโอนกัน ผู้ขายกลับฟ้องขอไถ่ถอนการขายฝากดังนี้ ผู้ขายมีสิทธิจะไถ่ได้ตามกฎหมายถ้าการขายฝากยังไม่พ้นระยะเวลาไถ่ถอน
คำรับรองด้วยปากเปล่าว่าจะไม่ไถ่การขายฝากเช่นนี้ไม่มีผลตามกฎหมาย
ย่อยาว
ได้ความว่าโจทก์จำเลยมีชื่อถือกรรมสิทธิร่วมกันในที่นาโฉนดที่ ๖๗๕๕ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๑ โจทก์ได้ขายฝากที่นาสวนของโจทก์ไว้กับจำเลยเป็นเงิน ๒๔๘๓ บาท ทำสัญญาต่อพนักงานที่ดินและจดทะเบียนหลังโฉนดแล้ว ต่อมาโจทก์จำเลยทำหนังสือสัญญากันเอง ลงวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๔๙๒ ความว่า โจทก์ขายนาโฉนดที่ ๖๗๕๕ ให้จำเลยเป็นเงิน ๖๕๐๐ บาท โจทก์จะทำการโอนให้จำเลยภายในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๒ และโจทก์ได้รับเงินมัดจำจากจำเลย ๑๐๕๐ บาทในวันทำสัญญานี้แล้ว
บัดนี้โจทก์มาฟ้องขอไถ่นารายนี้จากจำเลย เพราะการขายฝากไว้ยังไม่ถึง ๑๐ ปี
จำเลยต่อสู้คดีว่า โจทก์หมดสิทธิที่จะได้เพราะได้ทำสัญญารับเงินมัดจำไปจากจำเลย ให้จำเลยยึดถือครอบครองที่ส่วนขอโจทก์ไปจนกว่าจะโอนขายให้จำเลย
ศาลชั้นต้นเห็นว่าสัญญาจะซื้อขายยังไม่ถึงกำหนดโอนกันและเป็นสัญญาส่วนหนึ่งอีกต่างหาก ซึ่งจำเลยมีสิทธิอย่างไรก็มีทางไปว่ากล่าวกันอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก จำเลยย่อมมีหน้าที่ต้องยอมให้โจทก์ไถ่ จึงพิพากษาให้จำเลยรับชำระเงิน ๒๔๔๗ บาทจากโจทก์ ไถ่โฉนดที่ ๖๗๕๕ รายนี้ให้เจ้าพนักงานที่ดินแก้ทะเบียน ให้ปลอดจากการขายฝากต่อไป
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมีสิทธิที่จะครอบครองที่ดินตามสัญญาจะซื้อขาย โจทก์จะใช้สิทธิในการไถ่ถอนไม่ได้ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มีสิทธิจะไถ่ได้ตามกฎหมายเพราะการขายฝากไว้ยังไม่ถึงสิบปี ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่ามีสัญญาจะซื้อขายจำเลยปกครองที่ตามสัญญาจะซื้อขาย และที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองที่พิพาทก็ดี เหตุเหล่านี้มิได้เกี่ยวกับสิทธิของโจทก์ที่จะไถ่นาพิพาทตามสัญญาขายฝากแต่อย่างใด ข้อตกลงด้วยปากว่าจะไม่ไถ่ ไม่มีผลตามกฎหมาย พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น