แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาอนุญาตให้พิมพ์หนังสือซึ่งไม่มีข้อความว่าผู้พิมพ์จำต้องพิมพ์ขึ้นนั้น ถ้าผู้พิมพ์ไม่จัดการพิมพ์ ผู้อนุญาตไม่มีสิทธิ์เรียกค่าเสียหาย แต่เรียกต้นฉะบับคืนได้และถ้าผู้พิมพ์ให้เงินแก่ผู้อนุญาตเป็นค่าอนุญาตพิมพ์แล้วจะเรียกเงินคืนไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์กับจำเลยที่ ๒ ทำหนังสือสัญญากันมีความว่า โจทก์ได้แต่งปทานกรมอังกฤษเป็นไทย โจทก์อนุญาตให้จำเลยพิมพ์เป็นจำนวน ๕,๐๐๐ เล่ม จำเลยได้ชำระเงินล่วงหน้าให้โจทก์ ๒,๐๐๐ บาท เมื่อพิมพ์หนังสือแล้วและประทับตราของโจทก์ จำเลยจำหน่ายหนังสือปทานุกรมได้ โดยต้องชำระ ๒๕ เปอร์เซ็นของราคาหนังสือนั้นให้แก่โจทก์
โจทก์ฟ้องว่าจนบัดนี้ จำเลยก็หาจัดการพิมพ์หนังสือขึ้นให้เสร็จภายในเวลาอันสมควรไม่ โจทก์ได้ตักเตือนหลายครั้งแล้ว จำเลยก็ผัดผ่อนเรื่อยมา โจทก์จำเลยได้ตกลงราคาหนังสือนั้นราคาเล่มละ ๔๐ บาท จึงขอเรียกค่าเสียหาย ๕๐,๐๐๐ บาท กับให้คืนต้นฉะบับให้โจทก์ หรือให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาภายใน ๖ เดือน หรือให้คนอื่นจัดการแทนโดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่าย กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเพราะทำการล่าช้าและมัดมือโจทก์เป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท
ศาลแพ่งฟังว่าจำเลยทำผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิ์เลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหาย กำหนดค่าเสียหายให้ ๒,๐๐๐ บาทเท่าที่โจทก์รับล่วงหน้าไปแล้ว จึงพิพากษาให้เลิกสัญญาให้จำเลยคืนต้นฉะบับกับให้ค่าเสียหาย ๒,๐๐๐ บาทโดยหักกับเงินที่โจทก์รับไปแล้ว
มีผู้พิพากษานายหนึ่งทำความเห็นแย้งว่าควรยกฟ้อง
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ศาสอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าในสัญญาไม่ระบุว่า จำเลยต้องพิมพ์หนังสือเมื่อใดและไม่มีข้อความบังคับให้จำเลยจำต้องพิมพ์ และการรับผิดชำระเงิน ๒๕ เปอร์เซ็นจะเกิดขึ้นเมื่อหนังสือได้พิมพ์ขึ้นและประทับตราของโจทก์แล้ว ฉะนั้นในคดีนี้โจทก์จึงไม่มีสิทธิ์เรียกค่าเสียหายจากจำเลย แต่เห็นว่าจำเลยต้องคืนต้นฉะบับให้โจทก์ เพราะสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยสิ้นผลแล้ว และสิขสิทธิ์เป็นของโจทก์ส่วนเงิน ๒,๐๐๐ บาทนั้นต้องถือว่าเป็นเงินค่าทดแทนในการที่จำเลยได้รับอนุญาตให้พิมพ์หนังสือซึ่งจำเลยไม่มีสิทธิ์เรียกคืน จึงพิพากษาให้จำเลยคืนต้นฉะบับให้แก่โจทก์.