คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรมการอำเภอส่งหมายนัดและสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้แก่จำเลย ๆ ไม่รับ กรมการอำเภอส่งหมายและสำเนานั้นคืนศาลชั้นต้น ๆ สั่งว่าให้รวมสำนวนไว้ถือว่าจำเลยได้ทราบว่ามีอุทธรณ์แล้วดังนี้การส่งดังนี้ถือว่าไม่ถูกต้องตามวิธีพิจารณา.
แม้การไต่สวนมูลฟ้องจะทำลับหลังจำเลยได้แต่ต้องได้ส่งสำเนาฟ้องให้จำเลยได้ตามกฎหมายเสียก่อนจึงจะไต่สวนได้ และในการอุทธรณ์ต้องส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเช่นเดียวกัน เมื่อไม่ส่งให้ได้โดยถูกต้องตามกฎหมายศาลอุทธรณ์ก็ต้องจำหน่ายคดีไป.

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งให้ประทับฟ้องฉะเพาะข้อหาฐานทำร้ายร่างกายข้อเดียวข้ออื่น ๆ ให้ยกเสีย
โจทก์อุทธรณ์ว่าคดีมีมูลทุกกะทง ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยศาลชั้นต้นว่าคดีมีมูลฉะเพาะข้อเดียว แต่ในชั้นอุทธรณ์ส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้จำเลยที่ ๓-๔ ไม่ได้ ให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ ๓-๔ เสีย นอกนั้นยืนตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายเรื่องจำหน่ายคดีฉะเพาะตัวจำเลยที่ ๓-๔ ศาลฎีกาฟังว่าศาลชั้นต้นได้ส่งหมายนัดและสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้คณะกรมการอำเภอ ช่วยจัดการส่งแก่จำเลยที่ ๓-๔ แล้ว คณะกรมการอำเภอได้มีตอบมาว่าได้จัดการส่งหมายแล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่รับหมายและสำเนาฟ้องอุทธรณ์ จึงส่งหมายและสำเนาฟ้องอุทธรณ์คืนมายังศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งว่า “รวมสำนวนไว้ พอถือได้ว่าจำเลยทราบว่ามีอุทธรณ์แล้ว” ศาลฎีกาเห็นว่าการส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ดังนี้ถือไม่ได้ว่าเป็นการส่งถูกต้องตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๑๕ และประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม.๗๘ หรือมาตราอื่นได แม้ศาลชั้นต้นจะได้สั่งดังนั้นก็ดี ก็ไม่มีผลทำให้การส่งกลับเป็นการถูกต้องตามกฎหมายขึ้น จริงอยู่การไต่สวนมูลฟ้องจะทำลับหลังจำเลยก็ได้ แต่ศาลต้องส่งสำเนาฟ้องแก่จำเลยถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อนจึงจะทำการไต่สวนมูลฟ้องได้และในการอุทธรณ์ต้องส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเช่นเดียวกันตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๒๐๐ ศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดีจึงชอบแล้ว พิพากษายืนตาม.

Share