คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1140/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยรับฝากยาเส้นไว้จากผู้เสียหายแล้วเอาไปขายจริง แต่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเอาเงินค่ายาเส้นไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว มิได้ฟ้องว่ายักยอกยาเส้น เมื่อทางพิจารณาฟังได้ว่า ผู้เสียหายได้ยอมตกลงรับเงินค่ายาเส้นจากจำเลย และยังยอมให้จำเลยผัดชำระเงินด้วย ดังนี้ เมื่อจำเลยยังมิได้ชำระก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปฟ้องร้องกันในทางแพ่ง การที่จำเลยยังไม่มีเงินค่ายาเส้นชำระให้ไม่เป็นผิดทางอาญาฐานยักยอกดังฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านายบุญธรรม ไทยกล้า ได้นำยาเส้นจำนวน ๒๕๐ มัด ราคา ๒๗,๕๐๐ บาท ไปฝากโกดังเก็บยาเส้นของจำเลย ต่อมาจำเลยบอกว่าได้ขายยาเส้นดังกล่าวไปหมดและเงินยังไม่มีจ่าย ต่อมาผู้เสียหายได้ไปทวงถามเงินค่ายาเส้นจากจำเลย ๆ ปฏิเสธไม่รับรู้ในการฝากยาเส้น และไม่ยอมจ่ายเงินให้นายบุญธรรม นายบุญธรรมจึงรู้ว่าจำเลยมีเจตนาเบียดบังยักยอกเอาเงินค่าขายยาเส้นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
นายบุญธรรมผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามมาตรา ๓๕๒ จำคุก ๖ เดือน ให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้อง
โจทก์ร่วม ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้รับฝากยาเส้นจำนวน ๒๕๐ มัด ไว้จากผู้เสียหาย แต่ต่อมาได้เอายาเส้นนั้นไปขายจริง แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเอาเงินค่ายาเส้นไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว โจทก์มิได้ฟ้องว่าจำเลยยักยอกยาเส้นของผู้เสียหายไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว และทางพิจารณาผู้เสียหายเบิกความว่า เมื่อสอบถามจำเลย ๆ บอกว่าได้ขายยาเส้นที่ฝากไว้หมดแล้ว จำเลยขอคิดเงินให้มัดละ ๔๕ บาท ผู้เสียหายก็ยอมตกลง จำเลยบอกว่าเงินยังไม่มีแต่ภายใน ๗ วันจะเอาไปให้ ผู้เสียหายก็ยอม ต่อมาผู้เสียหายไปทวงถามอีกหลายคราว จำเลยก็ไม่ชำระให้ ผู้เสียหายจึงไปแจ้งความขอให้ดำเนินคดี เห็นได้ว่าผู้เสียหายได้ยอมตกลงรับเงินค่ายาเส้น ๒๕๐ มัด ๆ ละ ๔๕ บาทจากจำเลยแล้ว และยังยอมให้จำเลยผัดชำระเงินด้วย เมื่อต่อมาจำเลยยังมิได้ชำระก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปฟ้องร้องกันในทางแพ่ง การที่จำเลยยังไม่มีเงินค่ายาเส้นชำระให้ ไม่เป็นผิดทางอาญาฐานยักยอกดังฟ้อง พิพากษายืน

Share