คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1239/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขู่ให้เจ้าทรัพย์สัญญาส่งทรัพย์ให้แก่ตน แล้วรุ่งขึ้นจำเลยมาขอรับเงินเจ้าทรัพย์เจ้าทรัพย์บอกว่าไม่มี จำเลยกล่าวว่า ไม่ให้ก็ไม่เอาระวังจะฟันหัว ตีให้ตาย แล้วจำเลยก็ออกจากห้องเจ้าทรัพย์ไปเอง ดังนี้การกระทำครั้งหลังนี้ยังไม่เป็นผิดฐานพยายามชิงทรัพย์หรือฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ

ย่อยาว

ได้ความว่าวันแรกจำเลยกับพวกมาขู่เอาทรัพย์จากเจ้าทรัพย์ รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งจำเลยมาอีก มาพูดว่าเมื่อวานมาเอาสตางค์ไม่มีให้จะมาเอาวันนี้ เจ้าทรัพย์ว่ามีเหลืออยู่ ๓๐ สตางค์จะเอาไหม จำเลยตอบว่าไม่เอาจะเอา ๒ บาท เจ้าทรัพย์บอกว่าไม่มีจำเลยก็พูดว่า ไม่ให้ก็ไม่เอา ระวังจะฟันหัวตีให้ตาย แล้วจำเลยก็ไปจากห้องเจ้าทรัพย์ เจ้าทรัพย์จึงไปแจ้งความที่โรงพักแล้วกลับมาเกือบถึงหน้าห้อง เห็นจำเลยตามหลังมา จำเลยไม่ได้พูดหรือทำกริยาอย่างไร พอดีตำรวจเดินมาเจ้าทรัพย์ก็เรียกให้ตำรวจจับจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย ๒ กะทงกะทงแรกฐานกรรโชกตาม ม.๓๐๓ กะทงหลัง(คือการมาเรียกเอาเงินครั้งหลัง)ฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพตาม ม.๒๖๘
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการมาเรียกเอาเงินครั้งหลังนี้การกระทำเป็นผิดถึงพยายามชิงทรัพย์ จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยสำหรับการกระทำครั้งหลังซึ่งศาลชั้นต้นลงมาตาม ม.๒๖๘ นั้นเป็นลงโทษตาม ม.๒๙๙,๖๐
ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยครั้งหลังนี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยทำผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ เมื่อจำเลยพูดขอเงินเจ้าทุกข์ ๒ บาท เจ้าทุกข์ว่าไม่มี จำเลยว่าไม่ให้ก็ไม่เอาแล้วจำเลยก็ออกไปจากห้องเจ้าทรัพย์ เป็นการยับยั้งใจของจำเลยด้วยตนเอง หาใช่มีเหตุพ้นวิสัยมาขัดขวาง ที่จำเลยว่า ไม่ให้ก็ไม่เอา ระวังจะฟันหัวตีให้ตายนั้น ก็เป็นแต่คำแสดงความอาฆาตมาทร้าย หาใช่บังคับขืนใจให้เจ้าทรัพย์ทำการอย่างใดไม่อันจะเป็นผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพเจ้าทุกข์กลับจากแจ้งความเห็นจำเลยเดินมาก็บอกให้ตำรวจจับทันทีโดยจำเลยไม่ได้พูดหรือแสดงกริยาขู่เข็ญในตอนนี้ จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ในกะทงโทษการกระทำของจำเลยครั้งหลังนี้เสีย นอกจากนั้นยืนตาม

Share