คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1216/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขายข้าวให้โจทก์ แล้วรับฝากข้าวไว้ในยุ้งโดยไม่มีบำเหน็จ ต่อมาเกิดอุทกภัย จำเลยให้โจทก์มารับข้าว โจทก์ก็ไม่มา จำเลยจึงขายข้าวนั้นไปเพราะเกรงน้ำจะท่วมข้าวเสียหาย หลังจากที่จำเลยได้ขายข้าวของจำเลยเองไปหมดแล้ว ดังนี้ ถือว่าจำเลยในฐานะผู้รับฝากด้วยการทำให้เปล่าไม่มีบำเหน็จ ได้ใช้ความระมัดระวังสงวนทรัพย์สินที่รับฝากไว้เหมือนเช่นได้ประพฤติในกิจการของตนเองดังประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 วรรคต้น และเป็นการกระทำเพื่อจะปัดป้องอันตรายอันจะเป็นภัยแก่ทรัพย์สินนั้นโดยมิได้จงใจทำผิดหรือเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงประการใด จึงไม่ต้องรับผิดดังนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 398

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อข้าวจากจำเลยแล้วฝากจำเลยเก็บรักษาไว้ ต่อมาโจทก์ไปทวงถามข้าวจากจำเลยจำเลยไม่มีให้ จึงขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน ๒๐,๐๐๐ บาท
จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยรับรักษาข้าวโจทก์ไว้จริง แต่เกิดน้ำท่วมจำเลยแจ้งให้โจทก์ขนย้าย โจทก์ก็เพิกเฉย โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจำเป็นต้องขายข้าวโจทก์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายจากน้ำท่วม โจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกสัญญาซื้อขาย และขอคืนเงินโจทก์ จำเลยได้ส่งเงินคืนโจทก์แล้ว ๘,๐๐๐ บาท จำเลยคงเป็นหนี้โจทก์เพียง ๕,๗๐๐ บาทเท่านั้น
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยขายข้าวเปลือกโจกท์ไปเพราะมีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่งจากน้ำท่วมอันเป็นภัยธรรมชาติ และทำไปเพื่อปัดป้องอันตรายอันจะเกิดแก่ทรัพย์สินของโจทก์จำเลยมิได้จงใจทำผิดหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าปรับให้โจทก์ แต่ต้องรับผิดใช้ค่าข้าวเปลือก จำเลยได้ใช้เงินให้โจทก์แล้ว ๘,๐๐๐ บาท ให้ใช้เงินที่ค้างชำระอีก ๕,๗๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า ไม่เชื่อว่าจำเลยขายข้าวโจทก์ไปเพราะเกรงน้ำจะท่วม ต้องใช้เงินสองหมื่นบาทแก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยชำระแก่โจทก์แล้ว ๘,๐๐๐ บาท ให้ชำระโจทก์อีก ๑๒,๐๐๐ บาท นอกจากนี้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้บังคับจำเลยชำระเงินเต็มตามฟ้อง
จำเลยฎีกาขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์เพียง ๕,๗๐๐ บาท
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จำเลยตกลงกันซื้อขายข้าว ได้ตักตวงกันเป็นส่วนสัด กรรมสิทธิ์จึงเป็นของโจทก์เสร็จเด็ดขาดไปแล้ว จำเลยรับรักษาข้าวโจทก์โดยไม่มีบำเหน็จ ต่อมาเกิดอุทกภัย จำเลยได้ขายข้าวของจำเลยซึ่งอยู่ในยุ้งเดียวกับโจทก์แล้ว จึงตัดสินใจขายข้าวโจทก์ไปเพราะเกรงน้ำจะท่วมข้าวในยุ้ง ให้ได้รับความเสียหาย และยอมใช้ราคาข้าวตามที่โจทก์ซื้อจากจำเลย ถือว่าจำเลยในฐานะผู้รับฝากด้วยการทำให้เปล่าไม่มีบำเหน็จ ได้ใช้ความระมัดระวังสงวนทรัพย์สินคือข้าวของโจทก์ที่ได้ฝากไว้ เหมือนเช่นได้ประพฤติในกิจการของตนเองแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๙ วรรคต้น เพื่อประสงค์จะปัดป้องอันตรายอันจะเป็นภัยแก่ทรัพย์สินนั้น โดมิได้จงใจทำผิดหรือเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงประการใด จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดดังนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๘ โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไป และส่งเงินมาชำระหนี้โจทก์ไม่ใช่ชำระค่าข่าวแต่หลักฐานโจทก์เลื่อนลอย ไม่มีเหตุผลให้เชื่อถือได้ คำกล่าวอ้างของโจทก์จึงรับฟังไม่ได้ เชื่อว่าจำเลยได้ส่งเงินมาชำระค่าข้าวแล้ว ๘,๐๐๐ บาท ยังคงเหลือที่จะต้องชำระแก่โจทก์อีกเพียง ๕,๗๐๐ บาทเท่านั้น
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ยกฎีกาโจทก์

Share