แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญาโจทก์ที่2ถูกพนักงานอัยการฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา291ศาลพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าเหตุที่รถยนต์โดยสารที่โจทก์ที่2ขับชนรถยนต์ที่อ.ขับนั้นจุดชนอยู่ในช่องเดินรถของโจทก์ที่2โจทก์ที่2ไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องซึ่งในคดีอาญาดังกล่าวต้องถือว่าพนักงานอัยการได้ฟ้องคดีแทนจำเลยที่1ถึงที่5ซึ่งเป็นภริยาและบุตรของอ. ด้วยคดีถึงที่สุดแล้วดังนั้นที่จำเลยที่1ถึงที่5ได้ฟ้องคดีนี้ขอให้โจทก์ที่2ใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการที่โจทก์ที่2ทำละเมิดให้อ.ถึงแก่ชีวิตและทรัพย์สินเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา420ในการพิพากษาคดีนี้ซึ่งเป็นคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา46
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นรวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 8773/2534 ของศาลชั้นต้น ระหว่างบริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด โจทก์ นางอรพินท์ แซ่เจี่ยกับพวกรวม 8 คน จำเลย ซึ่งไม่มีการฎีกา คงฎีกาเฉพาะคดีนี้โดยให้เรียกโจทก์ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 8773/2534 ดังกล่าวว่าโจทก์ที่ 1 เรียกจำเลยทั้งแปดว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 ตามลำดับเรียกโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 ในคดีสำนวนนี้ว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5เช่นเดียวกับคดีสำนวนแรก และเรียกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ว่าโจทก์ที่ 2และที่ 3 ตามลำดับ
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 เป็นโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3ที่ 4 และที่ 5 เป็นบุตรนายเอี้ยซิว แซ่ลิ้ม กับจำเลยที่ 1โจทก์ที่ 2 เป็นลูกจ้างของโจทก์ที่ 3 ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด นายเอี้ยซิวเป็นเจ้าของและเป็นผู้ครอบครองรถยนต์เก๋งหมายเลขทะเบียน ก-1043 พิษณุโลก วันที่ 10 พฤษภาคม 2530เวลากลางคืนก่อนเที่ยง โจทก์ที่ 2 ขับรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน10-0818 พิษณุโลก ไปตามทางการที่จ้างของโจทก์ที่ 3 เพื่อรับส่งคนโดยสารโดยประมาท เป็นเหตุให้ชนรถยนต์ที่นายเอี้ยซิวขับสวนทางมา ทำให้นายเอี้ยซิวถึงแก่ความตาย รถยนต์เสียหายทั้งคันไม่อาจจะซ่อมได้ พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ที่ 2ต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก ในความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายเป็นคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 752/2531 จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 เสียค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพผู้ตายเป็นเงิน 80,000 บาท ค่าขาดไร้อุปการะเป็นเงิน 70,000 บาท และรถยนต์ของผู้ตายเสียหายเป็นเงิน150,000 บาท รวมค่าเสียหายทั้งสิ้น 300,000 บาท โจทก์ที่ 3เป็นนายจ้างของโจทก์ที่ 2 จะต้องร่วมรับผิด ขอให้บังคับโจทก์ที่ 2และที่ 3 ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 300,000 บาทแก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าได้ชำระเสร็จ
โจทก์ที่ 2 และที่ 3 ให้การว่า อุบัติเหตุตามฟ้องมิได้เกิดจากความประมาทของโจทก์ที่ 2 แต่เกิดจากความประมาทของนายเอี้ยซิวซึ่งขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก-1043 พิษณุโลกด้วยความเร็วสูงหลบกองดินลูกรังข้างถนนล้ำเข้ามาในช่องเดินรถของโจทก์ที่ 2 เป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์โดยสารของบริษัทสยามเฟริสท์ทัวร์ จำกัด แล้วรถยนต์ของนายเอี้ยซิวเสียหลักเข้าชนรถยนต์โดยสารที่โจทก์ที่ 2 ขับในช่องเดินรถของโจทก์ที่ 2โจทก์ที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดในอุบัติเหตุนั้น โจทก์ที่ 3 ก็ไม่ต้องรับผิดด้วย ค่าเสียหายของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 สูงเกินไปขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันชำระเงินค่าเสียหาย 285,000 บาท แก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2531จนกว่าได้ชำระเสร็จ ยกฟ้องโจทก์ที่ 1
โจทก์ ที่ 1 ที่ 2 และ ที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5ในคดีสำนวนที่สอง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลย ที่ 1 ถึง ที่ 5 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ฎีกาว่าโจทก์ที่ 2 ขับรถยนต์โดยสารโดยประมาทเป็นเหตุให้นายเอี้ยซิว แซ่ลิ้ม ถึงแก่ความตาย โจทก์ที่ 2 ต้องร่วมกับโจทก์ที่ 3 ซึ่งเป็นนายจ้างใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่จำเลยที่ 1ถึงที่ 5 ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของนายเอี้ยซิวผู้ตายนั้นศาลฎีกาเห็นว่า คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 752/2531 ตามเอกสารหมาย จ.18โจทก์ที่ 2 ถูกพนักงานอัยการจังหวัดพิษณุโลกฟ้องในฐานความผิดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นายเอี้ยซิว แซ่ลิ้ม ถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ศาลจังหวัดพิษณุโลกพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า เหตุที่รถยนต์โดยสารที่โจทก์ที่ 2 ขับชนรถยนต์ที่นายเอี้ยซิวขับนั้น จุดชนอยู่ในช่องเดินรถของโจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 2 ไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องซึ่งในคดีอาญาดังกล่าวต้องถือว่าพนักงานอัยการได้ฟ้องคดีแทนจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ซึ่งเป็นบุตรและภริยาผู้ตายด้วย และคดีถึงที่สุดแล้ว ดังนั้นที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ได้ฟ้องคดีนี้ขอให้โจทก์ที่ 2 ใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการที่โจทก์ที่ 2 ทำละเมิดให้นายเอี้ยซิวถึงแก่ชีวิตและทรัพย์สินเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ในการพิพากษาคดีนี้ซึ่งเป็นคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ข้อเท็จจริงในคดีแพ่งจึงต้องรับฟังว่า โจทก์ที่ 2 ไม่ได้ทำละเมิดต่อนายเอี้ยซิวผู้ตายซึ่งเป็นบิดาของจำเลยที่ 2 และถึงแม้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภริยานายเอี้ยซิวผู้ตายและจำเลยที่ 3ที่ 4 และที่ 5 ซึ่งเป็นบุตรไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญาด้วยก็ย่อมเรียกร้องให้โจทก์ที่ 2 รับผิดเพื่อละเมิดไม่ได้เช่นกันเพราะโจทก์ที่ 2 ไม่ได้ทำละเมิดต่อนายเอี้ยซิวผู้ตาย โจทก์ที่ 3ในฐานะนายจ้างของโจทก์ที่ 2 จึงไม่มีความรับผิดเช่นกันคดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 เรื่องค่าสินไหมทดแทนต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1ถึงที่ 5 ชอบแล้ว
พิพากษายืน