แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญาซึ่งโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนให้แก่เจ้าทรัพย์ หากปรากฏว่าผู้เสียหายเบิกความว่าราคาทรัพย์เกือบสองพันบาท ซึ่งเป็นการไม่แน่นอน โดยไม่สามารถกำหนดราคาอันแท้จริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 47 แล้ว ดังนี้ ศาลจึงไม่ต้องกำหนดราคาทรัพย์นั้น ซึ่งจำเลยจะต้องใช้ให้แก่เจ้าทรัพย์
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจลักสร้อยคอทองคำหนัก ๑ บาท ๑ เส้น ราคา ๕๐๐ บาท และพระนางพระยาขนาดเล็กเลี่ยมทอง ๑ องค์ ราคา ๓,๐๐๐ บาท รวมราคา ๓,๕๐๐ บาท ของนางเสาว์นีย์ บุญเปี่ยม โดยจำเลยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๖ กับให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยโดยเชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๓๓๖ ให้ส่งตัวจำเลยไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง มีกำหนดขั้นต่ำ ๑ ปี ขั้นสูง ๒ ปี นับแต่วันพิพากษากับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๓,๕๐๐ บาทแก่เจ้าทรัพย์ด้วย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเด็กและเยาวชนพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชนวินิจฉัยเชื่อว่า คำเบิกความพยานโจทก์มีน้ำหนักพอฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เว้นแต่ข้อที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์ที่ไม่ได้คืน ๓,๕๐๐ บาท (สร้อย ๕๐๐ บาท พระเลี่ยมทอง ๓,๐๐๐ บาท) โดยเฉพาะพระเลี่ยมทองราคา ๓,๐๐๐ บาทนั้น เป็นการไม่แน่นอน ไม่สามารถกำหนดราคาอันแท้จริงตามมาตรา ๔๗ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้ จึงไม่กำหนดราคาพระเลี่ยมทองซึ่งจำเลยจะต้องใช้ให้แก่เจ้าทรัพย์