แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ศาลไม่รับบัญชีระบุพยานของจำเลย เพราะมิได้ยื่นภายในกำหนด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 นั้น เมื่อศาลสั่งแล้ว จำเลยได้ยื่นคำร้องแถลงถึงความจำเป็นที่มิได้ยื่นภายในกำหนด และขอให้ยื่นบัญชีระบุพยานได้ ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ยื่นคำโต้แย้งคัดค้านตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) แล้ว จำเลยจึงยกขึ้นอุทธรณ์ฎีกาได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงให้โจทก์ช่วยจำเลยให้ได้รับเงินค่าที่ดินจากกองทัพอากาศ แล้วจำเลยจะจ่ายเงินให้โจทก์ครึ่งหนึ่งของเงินที่จำเลยได้รับ โจทก์ช่วยเหลือจำเลยจนสำเร็จ จำเลยไม่ยอมจ่ายเงินให้ตามข้อตกลง จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่า ข้อตกลงเลิกไปแล้ว จำเลยไม่ต้องรับผิด
ระหว่างสืบพยานโจทก์ จำเลยยื่นบัญชีระบุพยาน โจทก์คัดค้านศาลไม่อนุญาตแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์ขอให้อนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับบัญชีระบุพยานของจำเลยไว้พิจารณา
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นชอบที่ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นรับบัญชีระบุพยานของจำเลยไว้พิจารณา และวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์นั้น ปรากฏว่าหลังจากที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานแล้วจำเลยได้ยื่นคำร้องแถลงถึงความจำเป็นที่มิได้ยื่นภายในกำหนด และขอให้ยื่นบัญชีระบุพยานได้ จึงถือเป็นการยื่นคำโต้แย้งคัดค้านตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) แล้ว จำเลยจึงยกขึ้นอุทธรณ์ฎีกาได้
พิพากษายืน