แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทั้งสามคนสมคบกันลักทรัพย์ของผู้มีชื่อ ขอให้ลงโทษ จำเลยคนหนึ่งรับสารภาพตามฟ้อง ส่วนจำเลยอีกสองคนปฏิเสธ ครั้นเมื่อพิจารณาไป ศาลสงสัยพยานโจทก์จึงปล่อยจำเลยทั้ง 2 คนที่ปฏิเสธไป ส่วนจำเลยที่รับสารภาพนั้น ศาลย่อมพิพากษาลงโทษฐานลักทรัพย์โดยมีพรรคพวกได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  นายบุญเย็น  นายดวงแก้วจำเลยในคดีนี้กับนายข้อ  จำเลยในคดีแดงที่  ๒๗๓/๒๔๔๔  ซึ่งศาลพิจารณารวมกัน  ได้บังอาจสมคบกันเป็นโจรลักทรัพย์ของนายซง  เลาหกุลไป  ๑๐๐๐  บาท  ขอให้ลงโทษตาม  ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๓,  ๒๙๔,  ๒๙๕,  ๖๓.
นายดวงแก้รับสารภาพผิดตามฟ้องทุกประการ
นายบุญเย็น  นายข้อจำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า  พยานโจทก์ยังไม่พอฟังว่านายบุญเย็น  นายข้อจำเลยกระทำผิดดังฟ้อง  คงฟังตามคำรับสารภาพของนายดวงแก้วจำเลยว่า  จึงพิพากษาว่านายดวงแก้วจำเลยเป็นผู้ทำการลักทรัพย์รายนี้  จึงพิพากษาว่านายดวงแก้วจำเลยผิด  ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา  ๒๙๔  ตอนท้าย  ฯลฯ  ให้ยกฟ้องนายบุญเย็น  นายข้อจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ฟ้องหาว่านายดวงแก้วลักทรัพย์โดยมีเจตนา  นายดวงแก้วก็รับตามข้อกล่าวหา  แม้ศาลจะไม่ฟังว่านายบุญเย็นนายข้อเป็นพวกของนายดวงแก้ว  ก็ไม่ให้จะจำกัดว่า  นายดวงแก้วไปลักคนเดียว  อาจสมคบกันใคร ๆ ก็ได้  จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษตามมาตรา  ๒๙๕  ฯลฯ
นายดวงแก้วโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า  ตามฟ้องว่ากล่าวหาว่าจำเลยลักทรัพย์โดยมีพรรคพวก  คือสมคบกันลักทรัพย์ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง  และไม่ใช่เป็นคดีมีอัตราโทษสูงศาลย่อมพิพากษาคดีไปตามคำฟ้องและคำรับสารภาพส่วนการที่ศาลพิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยอื่น  ก็เป็นเพียงศาลสงสัยพยานโจทก์  ยังไม่พอให้ลงโทษได้เท่านั้น  ส่วนความจริงจะเป็นประการใด  เป็นอีกเรื่องหนึ่ง  จะถือเอาเป็นเหตุให้ฟังว่านายดวงแก้วจำเลยลักทรัพย์โดยไม่พรรคพวก  ยังไม่ได้
จึง พิพากษายืน
