คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องว่าจำเลยใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเพื่อเป็นความสดวกในการที่จะลักทรัพย์ ครั้นแล้วจำเลยลักเอาธนบัตรของผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษฐานชิงทรัพย์ เมื่อทางพิจารณาข้อมีว่าจำเลยลักเงินพยานหลักฐานไม่มี เป็นแต่ได้ความว่าจำเลยรัดคอผู้เสียหายล้มลง แล้วมีชายอื่นอีกคนหนึ่งเอามีดกรีดกระเป๋าผู้เสียหายขาด แล้วชายนั้นล้วงเอาเงินในกระเป๋าได้ และวิ่งหนีไปส่วนจำเลยพอลุกขึ้นได้ก็วิ่งตามหลังคนล่วงเงินลับตาไป ดังนี้ จะลงโทษจำเลยโทษฐานชิงทรัพย์ ไม่ได้ ศษลต้องพิพากษายกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยชิงทรัพย์นายตุ๊ โดยจำเลยใช้กำลังทำร้าย กล่าวคือ ใช้มือรัดคอนายตุ๊เจ็บสาหัสทั้งนี้เพื่อให้เป็นความสดวกในการที่จำเลยจะลักทรัพย์ ครั้นแล้วจำเลยลักเอาธนบัตรของนายตุ๊ไปห้าพันบาท จึงขอให้ลงโทษฐานชิงทรัพย์
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลย ๕ ปี ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๙
จำเลยอุทธรณ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้ที่ลักเงินของนายตุ๊ไม่ใช่จำเลย แต่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้ลักเงินของนายตุ๊ ข้อเท็จจริงจึงต่างกับฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาคดีแล้ว ได้ความว่า นายตุ๊กลับจากเที่ยวจะเข้าโรงแรม มีชายคนหนึ่งเอามือรัดคอนายตุ๊ ล้มลงับชายนั้น แล้วชายนั้นพลิกตัวขึ้นทับนายตุ๊ๆเบิกความว่า ในขณะนั้นรู้สึกว่ามีชายคนหนึ่งจะมาจากไหนไม่ทราบเข้าไปที่นายตุ๊ แล้วเอามีดกรีดกระเป๋ากางเกงนายตุ๊จนกางเกงขาดแล้วใช้มือล้วงเงินจากกระเป๋านายตุ๊ไปห้าพันบาท คนล้วงเงินวิ่งหนี พอดีนายตุ๊เอาเท้าถีบชายคนที่ล้มทับให้พ้นไปจากตัวนายตุ๊ ชายคนนี้พอลุกขึ้นได้ ก็วิ่งตามหลังล้วงเงินลับตาไป นายตุ๊ว่าชายคนที่รัดคอและทับนั้นคือ จำเลย
ตามที่กล่าวมานี้ ข้อที่จะว่า จำเลยลักเงินพยานหลักฐานไม่มี ที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักเอาเงินของนายตุ๊ไปเป็นอันไม่ได้ความ เมื่อเป็นเช่นนี้จะลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ได้อย่างไร
จึงพิพากษายืน

Share