แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยแปรรูปไม้ และมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองเกินกว่าเกิน .20 เมตร์ลูกบาศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ไม้นั้นจำเลยจะได้ซื้อมาเป็นต้นซุงอันได้เสียภาษีแล้วก็ตาม ก็เป็นของต้องริบตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 74 เพราะการมีไว้ในครอบครองเป็นความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจตั้งโรงเลื่อยไม้อันเป็นโรงงานแปรรูปไม้ ทำการเลื่อยไม้สักทำเป็นกระดานอันเป็นการแปรรูปไม้ กับบังอาจมีกระดานไม้สักอันเป็นไม้หวงห้ามรวม ๑๙ แผ่นคิดเป็นไม้ ๒.๖๐ เมตร์ลูกบาศก์ ขอให้ลงโทษและริบไม้ของกลาง
จำเลยให้การว่า ได้แปลงไม้กระดานโดยไม่ได้รับอนุญาตจริง แต่ไม้ที่แปลงนี้ได้ซื้อมาเป็นต้นซุงอันเสียภาษีตามกฎหมายแล้ว ขอให้ศาลสั่งคืนไม้ของกลางให้จำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย แต่ไม่ริบไม้ของกลางเพราะเห็นว่าไม้ของกลางโดยสภาพไม่เป็นความผิด ความผิดอยู่ที่การไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
ศาลฎีกาเห็นว่า ไม้ของกลางจำเลยแปรรูปเป็นกระดานซื้อจากต้นซุงซึ่งจำเลยได้มาอยู่ในความครอบครองโดยซื้อมาและเป็นไม้ที่เสียภาษีตามกฎหมายแล้วก็จริง แต่จำเลยแปรรูปไม้นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วมีไม้นั้นไว้ในความครอบครองต่อมา การครอบครองไม้แปรรูปอันมีจำนวนถึง ๒.๖๐ เมตร์ลูกบาศก์ย่อมเป็นความผิดมาตรา ๔๘ อี จึงต้องริบตามมาตรา ๗๔ พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ริบไม้ของกลาง