แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นคำร้องฉบับแรกขอให้เรียกบิดามารดาจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องซึ่งเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา การที่โจทก์ยื่นคำร้องฉบับที่ 2 ซึ่งมีข้อความอย่างเดียวกับคำร้องฉบับแรกโดยมิได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นแต่ประการใด ถือไม่ได้ว่ามีการโต้แย้งคัดค้านคำสั่งแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์จำเลยอยู่กินเป็นสามีภริยามีบุตร 1 คน คือเด็กหญิงนพรัตน์ อายุ 4 ขวบ จึงได้จดทะเบียนสมรสกัน จำเลยไม่ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูโจทก์และบุตรตามสมควรและติดพันหญิงอื่นในทางชู้สาว เล่นการพนัน ดื่มสุรา ไม่ยอมอยู่กินกับโจทก์ฉันสามี ทำร้ายร่างกายและขับไล่โจทก์ออกจากบ้าน โจทก์จึงได้พาบุตรไปขออาศัยอยู่กับญาติ ระหว่างที่โจทก์จำเลยอยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยา มีทรัพย์ทำมาหาได้ร่วมกันคือที่ดิน 2 แปลงบ้าน 1 หลัง รถไถนา 1 คัน เป็นเงิน 203,000 บาท โจทก์มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งจากจำเลยกึ่งหนึ่ง ขอให้โจทก์จำเลยหย่าโดยคำพิพากษาให้จำเลยแบ่งทรัพย์ตามฟ้องแก่โจทก์กึ่งหนึ่งเป็นเงิน 101,500 บาทให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็นรายเดือน เดือนละ 2,000บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าเด็กหญิงนพรัตน์จะบรรลุนิติภาวะ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยประพฤติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรง โจทก์ทิ้งร้างจำเลยออกจากบ้านไปเพราะโจทก์ไม่พอใจที่จำเลยว่ากล่าวตักเตือนไม่ให้โจทก์เล่นการพนันและโจทก์มีความรังเกียจที่จำเลยป่วยเป็นโรคปอด บ้านเลขที่ 76และที่ดินเนื้อที่ 10 ไร่ เป็นของบิดามารดาของจำเลย ที่ดินน.ส.3 ก. เลขที่ 643 เป็นทรัพย์ที่บิดามารดาของจำเลยซื้อให้จำเลยโดยเสน่หาเป็นสินส่วนตัวของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิแบ่งส่วนรถไถนาเป็นของมารดาจำเลยราคา 35,000 บาท โจทก์ชอบเล่นการพนันไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะอุปการะเลี้ยงดูบุตร และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกบิดามารดาจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 20พฤศจิกายน 2532 ขอให้เรียกบิดามารดาของจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยร่วม และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ซึ่งเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์เพียงแต่ยื่นคำร้องฉบับที่ 2 เมื่อวันที่ 18พฤษภาคม 2533 ซึ่งมีข้อความอย่างเดียวกับคำร้องฉบับแรกโดยโจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นแต่ประการใด ถือไม่ได้ว่ามีการโต้แย้งคัดค้านคำสั่งแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
พิพากษายืน