แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในเรื่องเช่านา การที่น้ำท่วมทำนาไม่ได้นั้น ไม่นับว่าการชำระหนี้ตามสัญญาเช่าเป็นการพ้นวิสัย
เช่านาไปให้เช่าช่วงแม้น้ำท่วมทำนาไม่ได้ ผู้เช่าก็ยังคงต้องรับผิดชำระค่าเช่านอกจากจะมีข้อสัญญาเป็นอย่างอื่น
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระค่าเช่าที่นา และค่าภาษีโรงร้านให้โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยได้เท่าที่นา+เช่าจากโจทก์ไปให้เช่าช่วง แต่ผู้เช่าช่วงทำนาไม่ได้ จำเลยได้ขอให้โจทก์ดำเนินคดีแทนแล้ว และฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนค่าเช่าที่ผู้เช่าช่วงชำระให้โจทก์เกินไปในปีก่อนด้วย
ชั้นพิจารณา คู่ความแถลงรับกันในประเด็นบางข้อ คงเหลือประเด็นสำคัญในข้อกฎหมายให้ศาลพิจารณาเพียงว่า ในปีที่จำเลยเช่านาไปจากโจทก์นี้ เกิดอุทกภัย ทำนาไม่ได้ แต่ปรากฎว่า ผู้เช่าช่วงจากจำเลยได้รับเงินค่าเช่านาจากลูกนามาบ้างแล้ว ดังนี้จำเลยจะต้องชำระค่าเช่าให้โจทก์เพียงไรหรือไม่
ในประเด็นข้อนี้ ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยเช่านาโจทก์ไปเพื่อให้คนอื่นเช่าช่วงต่อไปเพื่อหาประโยชน์จากการเช่า การที่เกิดอุทกภัยทำนาไม่ได้ จึงเป็นเรื่องของจำเลยไม่เกี่ยวกับโจทก์ และตามข้อสัญญาก็ไม่มีข้อยกเว้นไว้ว่า จำเลยจะไม่ต้องเสียค่าเช่าให้โจทก์พิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าเช่านาให้โจทก์ตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า สัญญาเช่านาเป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อมีเหตุพ้นวิสัยทำให้จำเลยทำนาไม่ได้ โจทก์ก็เรียกค่าเช่านาจากจำเลยไม่ได้เช่นเดียวกัน ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ ม.๓๗๒ วรรค ๑ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ ม.๓๗๒ วรรค ๑ ที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้างนั้นเป็นเรื่องการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัย แต่ในคดีนี้ โจทก์ได้ปฏิบัติการชำระหนี้ คือส่งมอบที่นาที่เช่าให้จำเลยแล้ว การที่จะได้รับผลจากการทำนาต่างหากเป็นพ้นวัสัย ซึ่งในกฎหมายและข้อสัญญาไม่มียกเว้นมิให้จำเลยเสียค่าเช่า การทำนาไม่ได้ไม่ใช่เป็นความผิดของโจทก์พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ บังคับคดีตามศาลชั้นต้น