แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องระบุว่าทำร้ายเขาสาหัสถึงรูปหน้าเสียโฉม ศาลจะลงโทษจำเลยในลักษณะสาหัสอย่างอื่นไม่ได้ ฟ้องขอให้ลงโทษตามมาตรา 256 ได้ความว่าจำเลยมีผิดตามมาตรา 254 ศาลลงโทษจำเลยตามมาตรา 254 ได้ ศาลชั้นต้นจำคุก 5 ปี ตามมาตรา 256 ศาลอุทธรณ์แก้ให้จำคุก 2 ปี ตามาตรา 254 เป็นแก้น้อย
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยใช้มีดฟันนายเพิ้งถูกขากรรไกรซ้ายแผลกว้าง ๒ ๑/๒ ซ.ม. ยาว ๙ ซ.ม. ลึก ๒ ซ.ม. ถึงกะดูก ต้องรักษาตัวอยู่ถึง ๒๓ วัน จึงเดินได้ตามปกติ เมื่อแผลหายแล้วยังมีเอ็นแผลเป็นอยู่ แต่ไม่ทำให้รูปหน้าเสียโฉม
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยได้ทำร้ายนายเพิ้ง นายเพิ้งต้องทนทุกข์เวทนากล้าไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติเกินกว่า ๒๐ วัน นับว่าเป็นแผลฉกรรจ์ พิพากษาจำคุกจำเลย ๕ ปี ตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๕๐
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่จำเลยอุทธรณ์ว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องนั้น เห็นว่าฟ้องของโจทก์บรรยายข้อความขอให้ลงโทษจำเลยในลักษณะบาดแผลสาหัสที่ทำให้รูปหน้าเสียโฉมอย่างเดียว มิได้กล่าวถึงลักษณะสาหัสอย่างอื่น แต่ทางพิจารณาได้ความว่าบาดแผลของผู้ถูกทำร้ายรูปหน้าไม่เสียโฉม ดังนี้ศาลจะลงโทษจำเลยในลักษณะสาหัสอย่างอื่นไม่ชอบ เพราะโจทก์มิได้บรรยายความมาในฟ้อง แต่ข้อเท็จจริงไม่ต่างกับฟ้อง ศาลลงโทษตามมาตรา ๒๕๔ ได้ไม่เกินคำขอโจทก์ เป็นเรื่องโจทก์ขอมากแต่ลงโทษน้อย ศาลย่อมทำได้ จึงพิพากษาแก้ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๕๔ จำคุก ๒ ปี
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาจำเลยเถียงข้อเท็จจริงว่าบาดเจ็บไม่สาหัสฎีกาไม่ได้ เพราะศาลอุทธรณ์แก้ศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อย ส่วนฎีกาโจทก์นั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำร้ายนายเทิ้งบาดเจ็บสาหัสถึงรูปหน้าเสียโฉม มิได้กล่าวว่าทำให้บาดเจ็บสาหัสตามมาตรา ๒๕๖ (+) ด้วย แม้คำขอท้ายฟ้องจะขอให้ลงโทษตามมาตรา ๒๕๖ ลอย ๆ ก็จะลงโทษตามมาตรา + ลักษณะอย่างอื่น นอกจากลักษณะการซึ่งทำให้รูปหน้าเสียโฉมไม่ได้ แต่เมื่อทางพิจารณาปรากฎว่าจำเลยได้ทำร้ายนายเทิ้งจริงก็ลงโทษตามมาตรา ๒๕๔ ได้ เพราะข้อเท็จจริงไม่ต่างกับฟ้อง และไม่เกินคำขอโจทก์ด้วย จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์