คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ทนายความจ่ายเงินส่วนได้ของลูกความที่ตนรับมาจากศาลให้แก่ลูกความนั้น ไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีหลัก ฐานเป็นหนังสือ ฉะนั้นแม้ตัวความจะไม่ได้ออกใบรับเงินให้ ทนายก็นำสืบพยานบุคคลได้.
โจทก์ฟ้องตั้งทุนทรัพย์ 900 บาทเศษ จำเลยกลับฟ้องแย้งให้โจทก์ใช้เงินให้จำเลย 1800 บาท เศษ เมื่อศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย คู่ความก็ย่อมจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้./

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้องว่า จำเลยเป็นทนายความว่าต่างโจทก์ แล้วจำเลยรับเงินส่วนแบ่งและค่าธรรมเนียม ซึ่งศาลพิพากษาให้โจทก์ ไปจากศาลแทนโจทก์ แล้วไม่ส่งมอบแก่โจทก์ จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่า ได้จ่ายเงินให้โจทก์แล้ว และฟ้องแย้งเรียกเงินจากโจทก์อีก ๑๘๐๕ บาท ๔๖ สตางค์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์ชำระเงิน ๑๓๒๙ บาท ๔๒ สตางค์ให้แก่จำเลย ฯลฯ
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้โจทก์ใช้เงิน ๑๕๐๕ บาท ๔๖ สตางค์ แก่จำเลย ฯลฯ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีเรื่องนี้ โจทก์ฟ้องตั้งทุนทรัพย์เรียกเงินจากจำเลย ๙๗๖ บาท ๐๑๔ สตางค์ จำเลยกลับฟ้องแย้งขอให้บัง คับโจทก์ใช้เงินให้จำเลย ๑๘๐๕ บาท ๔๖ สตางค์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์ใช้เงินให้จำเลยตามฟ้อง แย้ง ๑๗๒๙ บาท ๔๖ สตางค์ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลชั้นต้น แต่แก้ให้โจทก์ใช้เงินแก่จำเลย ๑๕๐๕ ๔๖ สตางค์ ฯลฯ จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
ส่วนฎีกาข้อที่ว่า การรับจ่ายเงินโดยไม่มีหลักฐานการรับเงินเป็นหนังสือ ศาลรับฟังไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ทนาย จ่ายเงินส่วนได้ของลูกความที่ตนรับมาจากศาลให้แก่ลูกความนั้น ไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็นตัวหนังสือ ดังนั้น จึงรับฟังคำพยานบุคคลได้ ดังศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้แล้วในฎีกาที่ ๒๘๒/๒๔๘๒. ฯลฯ
จึงพิพากษายืน

Share