แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เดิมเป็นของ ว. แต่จำเลยได้ครอบครองมาจนเกินเวลาที่ ว. จะได้คืนซึ่งการครอบครองแล้ว ว. ย่อมไม่มีสิทธิจะโอนขายที่พิพาทให้โจทก์ โจทก์รู้เห็นว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของมาตั้งแต่ก่อนโจทก์และ ว. จะตกลงซื้อขายที่พิพาทกันและพฤติการณ์ที่จำเลยคัดค้านไม่ให้ ว. ขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ถึงสองครั้ง แม้จำเลยมิได้ฟ้องคดีต่อศาลภายใน 30 วันตามคำสั่งของอำเภอ แต่การที่เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอทำสัญญาซื้อขายที่พิพาทให้โจทก์และ ว. แล้วออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่พิพาทให้โจทก์ในวันเดียวกันย่อมส่อแสดงว่าโจทก์รับซื้อที่พิพาทโดยไม่สุจริตทั้งหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่พิพาทที่โจทก์ได้มา ก็มิใช่หลักฐานกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนเช่นโฉนด จึงจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299, 1300 มาปรับแก่กรณีหาได้ไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1758/2513)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเข้าไปขุดดินในที่ดินของโจทก์ซึ่งได้มาและจดทะเบียนการได้มาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และได้ปกครองมาโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยเอาดินของโจทก์ไป ทั้งเก็บมะพร้าวและทำรั้วรอบเขตที่ดิน ขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง และให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยซึ่งครอบครองมา โจทก์ร่วมกับพวกฉ้อโกงจำเลย และได้ที่ดินโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายนิติกรรมเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องและให้ใช้ค่าเสียหาย ๒๐ บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นน้องของนายวอนได้ปลูกเรือนอยู่ในที่ดินภายในเส้นสีเขียวในแผนที่พิพาท ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของที่ดินและเรือนของนายวอน เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๐๓ นายวอนและจำเลยยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมต่อเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอฉวางขอแบ่งขายที่ดินของนายวอนส่วนที่อยู่ภายในเส้นสีเขียวให้แก่จำเลย แต่ไม่ได้ทำนิติกรรมซื้อขายกันตามคำขอโดยไม่ปรากฏเหตุผลเป็นหลักฐานทางอำเภอ และจำเลยคงอยู่ในที่ดินภายในเส้นสีเขียวตลอดมา ต่อมานายวอนจะขายที่พิพาทภายในเส้นสีแดงซึ่งเป็นที่ดินส่วนหนึ่งที่อยู่ภายในเส้นสีเขียวและอยู่ทางทิศตะวันออกติดต่อกับเรือนจำเลย จำเลยได้ยื่นคำคัดค้านต่อเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอฉวาง เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๐๘ ว่าจำเลยได้มาทำการซื้อขายที่ดินภายในเส้นสีเขียวกับนายวอนไว้ที่อำเภอแล้วตามเอกสารหมาย จ.๔ และเมื่อนายกระจ่าง ชูพันธ์ เจ้าพนักงานที่ดินได้ทำบันทึกการเปรียบเทียบเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๙ จำเลยอ้างว่าที่พิพาทภายในเส้นสีแดงเป็นของจำเลยมาแต่เดิม ตามเอกสารหมาย จ.๕ ทางอำเภอจึงสั่งให้จำเลยมาฟ้องคดีต่อศาลภายใน ๓๐ วัน แต่จำเลยไม่ฟ้องอำเภอจึงทำสัญญาซื้อขายที่พิพาทให้นายวอนและโจทก์ในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๐ ตามเอกสารหมาย จ.๗ และในวันเดียวกันนั้น ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่พิพาทให้โจทก์ด้วย ตามเอกสารหมาย จ.๖ เช่นนี้ เห็นได้ว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินภายในเส้นสีเขียวมาตั้งแต่ก่อนปี ๒๕๐๓ การที่นายวอนและจำเลยได้ยื่นเรื่องราวของทำการซื้อขายที่ดินภายในเส้นสีเขียว แสดงว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินภายในเส้นสีเขียว ซึ่งรวมทั้งที่พิพาทภายในเส้นสีแดงด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาตั้งแต่ปี ๒๕๐๓จำเลยจึงได้โต้แย้งคัดค้านการจะซื้อขายที่พิพาทในระหว่างนายวอนและโจทก์ เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๐๘ และเมื่อทำบันทึกการเปรียบเทียบกันในวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๙ คดีฟังได้ว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าส่วนหนึ่งของที่ดินภายในเส้นสีเขียวมาจนเกินเวลาที่นายวอนจะได้คืนซึ่งการครอบครองที่พิพาท นายวอนจึงไม่มีสิทธิจะโอนขายที่พิพาทให้แก่โจทก์
คดียังได้ความต่อไปว่า บ้านเรือนของโจทก์และของจำเลยอยู่ใกล้ชิดติดต่อกันและเห็นกัน จึงเชื่อว่าโจทก์ได้รู้เห็นจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของมาตั้งแต่ก่อนโจทก์และนายวอนจะตกลงซื้อขายที่พิพาทกันและตามพฤติการณ์ที่จำเลยได้คัดค้านไม่ให้นายวอนขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ถึงสองครั้ง แม้จำเลยมิได้ฟ้องคดีต่อศาลภายใน ๓๐ วันตามคำสั่งของอำเภอ แต่การที่เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอฉวางได้ทำสัญญาซื้อขายที่พิพาทให้โจทก์และนายวอน แล้วจึงออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่พิพาทให้โจทก์ในวันเดียวกัน ย่อมส่อแสดงว่าโจทก์รับซื้อที่พิพาทมาโดยไม่สุจริต ทั้งหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่พิพาทที่โจทก์ได้มา หาใช่หลักฐานกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนเช่นโฉนดไม่ จึงจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๙๙, ๑๓๐๐ มาปรับแก่กรณีเช่นในคดีนี้ดังข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ได้ด้วย โดยนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๗๕๘/๒๕๑๓ คดีระหว่างนายผัน แสนทน โจทก์ นายม้วน มีสอาด จำเลย โจทก์จึงไม่ได้สิทธิครอบครองที่พิพาท และไม่มีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์