แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายทุบหม้อข้าวเสียเพื่อมิมารดาจำเลยหุ่งข้าวไห้จำเลยกินเลยเกิดทุ่งเถียงกัน ผู้ตายเอามีดฟันกะดานเรือน พูดว่าลูกดีมาเอาทับพ่อ มีดหลุดมือกะเด็นไป+ตายกะโดดไปเก็บมีด ทันไดจำเลยคว้ามีดอีกเล่มหนึ่งแทงผู้ตาย 12 แผล ผู้ตายหยู่ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ตาย ดังนี้ จำเลยมีความผิดถานค่าคนโดยไม่เปนการยั่วโทสะหรือป้องกันหรือจำเปน.
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยอายุ ๒๑ ปีเปนบุตรเลี้ยงผู้ตายซึ่งมีอายุ ๔๗ ปี หยู่รวมเรือนกัน คืนเกิดเหตุนาง+มารดาจำเลย จะหุงข้าวไห้จำเลยกิน ผู้ตายทุบหม้อข้าวเสียและพูดห้ามไม่ไห้กิน เลยเกิดทุ่มเถียงกัน จำเลยไล่ผู้ตายไม่ไห้หยู่บ้าน ยางเพ็งไปตามนายกั้งน้องชายผู้ตายมาห้ามพอนายกั้งมาถามเรื่องได้ ๒-๓ คำ ผู้ตายได้เอามีดฟันกะดานเรือนพูดว่า ลูกดีมาเอากับพ่อ มีดหลุดมือกะเด็นไปข้างเตาไปผู้ตายกะโดดไปเก็บมีด ทันไดจำเลยก็พูดว่าพ่ออวดดีแท้ แล้วคว้ามีดอีกเล่มหนึ่งที่หยู่ข้างตัวกะโดดเข้าแทงผู้ตาย ปรากตว่าผู้ตายมีแผลถูกแทง ๑๒ แห่ง หยู่ได้ไม่ถึงกึ่งชั่วโมงก็ขาดไจตาย แทงแล้วจำเลยก็ทิ้งมีดคาแผลไว้แล้วลงเรือนไห
สาลชั้นต้นวินิฉัยว่า จำเลยกะทำลงไปโดยโมโหหิวข้าว เปนการยั่วโทสะ ลงโทสตามมาตรา ๒๔๙ล๕๕.
สาลอุธรน์เห็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๒๔๙ และไม่เปนการยั่วโทสะตามมาตรา ๕๕
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่า คดีไม่มีเหตุที่จะลดโทสถานยั่วโทสะ เพราะการที่จำเลยทำร้ายไม่ได้เกิดจากผู้ตายห้ามไม่ไห้กินข้าวโดยตรง และจำเลยมิได้ทำร้ายไนทันที หากมาทำร้ายพายหลังเมื่อเกิดทุ่มเถียงกันจนจำเลยออกปากไล่ผู้ตาย และการที่ผู้ตายเอามีดฟันกะดานและพูดท้าทายแล้วรุกไปเก็บมีดนั้น ไม่ไช่เปนเรื่องยั่วโทสะ และรูปเรื่องก็ไม่เปนทำนองป้องกันหรือจำเปนตามมาตรา ๔๙, ๕๐ จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์