คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 23/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่บริษัทจำกัดจะริบหุ้นของผู้ถือหุ้นที่ยังค้างชำระเงินค่าหุ้นเอาออกขายทอดตลาดนั้น จะต้องปฏิบัติการตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ให้บริบูรณ์เสียก่อน มิฉะนั้นต้องถือว่าหุ้นนั้นยังเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นอยู่ ซึ่งเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ถือหุ้นมีอำนาจขอให้ศาลสั่งยึดหรืออายัดหุ้นนั้นได้
ชั้นบังคับคดี เมื่อยังมีข้อเท็จจริงที่ยังโต้เถียงกันอยู่ ศาลอาจไม่สั่งให้ดำเนินการไต่สวน แต่สั่งให้ไปฟ้องกันเป็นคดีใหม่ก็ได้ ในเมื่อเห็นว่าอาจมีเหตุอย่างอื่นที่เป็นข้อยุ่งยากและไม่สะดวกแก่ศาลและคู่ความทุกฝ่าย

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง ๕ ให้ร่วมกันรับผิดใช้เงินตามเช็ค โจทก์จำเลยประนีประนอมยอมความโดยจำเลยทุกคนยอมร่วมกันชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้อง ศาลพิพากษาตามยอม ต่อมาโจทก์ขอบังคับคดีอายัดการจำหน่ายจ่ายโอนหุ้นของจำเลยที่ ๒,๓,๔ และ ๕ ซึ่งมีอยู่ในบริษัทผู้ร้อง ศาลออกหมายอายัดให้ ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านอ้างว่ามีความผูกพันจะริบหุ้นขายทอดตลาด ขอให้เลิกหมายอายัด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เมื่อมีการโต้แย้งและคัดค้านดังกล่าว ก็จำเป็นต้องไต่สวนแกต่การไต่สวนจะเสร็จเด็ดขาดโดยสะดวกไม่ได้ จึงสั่งให้จำเลยฟ้องผู้ร้องซึ่งถูกอายัดภายใน ๑ เดือน หากไม่ฟ้องถือว่าจำเลยเพิกเฉย ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาใช้อำนาจของตนใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลย ในชั้นนี้ศาลยังไม่ถอนอายัดจนกว่าจะได้ชี้ขาดข้อโต้แย้ง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นเฉพาะในข้อที่ให้จำเลยและโจทก์ไปฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ โดยให้ศาลชั้นต้นไต่สวนข้อโต้เถียงเกี่ยวกับหุ้นของจำเลยที่ ๓ แล้วมีคำสั่งตามรูปคดี อุทธรณ์ของโจทก์จำเลยนอกจากนี้ให้ยกเสีย
โจทก์ฎีกาขอให้ไต่สวน
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าบริษัทผู้ร้องมีสิทธิริบหุ้นขายทอดตลาดได้ โจทก์หามีสิทธิบังคับคดีกระทบกระเทือนสิทธิของบริษัทผู้ร้องไม่ และว่าหุ้นที่ยังค้างชำระบริษัทผู้ร้องจึงอาจไม่ยอมรับจดทะเบียนให้โอนได้ เมื่อโอนกันไม่ได้ หุ้นนั้นก็เป็นทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ศาลอายัดไม่ได้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะการที่บริษัทผู้ร้องจะริบหุ้นให้เอาออกขายทอดตลาดได้ จะต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๑๒๐, ๑๑๒๑, ๑๑๒๓, ๑๑๒๔ และ ๑๑๒๕ ให้บริบูรณ์เสียก่อน ถ้ายังดำเนินการไม่บริบูรณ์ถึงขั้นริบหุ้น หุ้นนั้นก็ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๒,๔ และ ๕ อยู่ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีอำนาจยึดและอายัดได้ ไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๗ และหุ้นที่ยังชำระเงินค่าหุ้นไม่เต็มค่านี้ กฎหมายมิได้บังคับห้ามโอนโดยเด็ดขาด จึงไม่ใช่ทรัพย์ที่จะถือว่าไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงยังเถียงกันอยู่ ศาลอาจดำเนินการไต่สวน แต่การไต่สวนต่อไปในคดีนี้ อาจปรากฏเหตุอย่างอื่นที่เป็นข้อยุ่งยากและไม่สะดวกแก่ศาลตลอดจนคู่ความทุกฝ่าย
รูปเรื่องจะทำให้เสร็จเด็ดขาดไม่ได้สะดวกโดยวิธีไต่สวน จึงเห็นว่าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ไปฟ้องกันใหม่เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหากนั้นชอบแล้ว
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้น

Share