แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ภริยาจำเลยพักอาศัยอยู่ในบ้านโจทก์ จำเลยเข้าไปในบ้านโจทก์เพื่อพบกับภริยาของตน แต่ไม่พบ ได้เอาสิ่งของบางอย่างของจำเลยกลับไปและจดหมายบอกไว้ เป็นการกระทำที่ปราศจากการบังอาจ และมีเหตุผลสมควรไม่เป็นผิดฐานบุกรุก การที่ภริยาเขาเข้ามาพักอาศัยในบ้าน ย่อมเป็นที่เข้าใจว่าเจ้าบ้านอนุญาตโดยปริยายให้สามีเข้าไปหาภริยาได้ เว้นแต่จะปรากฏว่าเจ้าบ้านห้ามปรามเมื่ออนุญาตให้ภริยาเขาเข้าไปอยู่ในบ้านแล้ว ถ้าห้ามไม่ให้สามีเข้าไปหาอาจถูกฟ้องร้องได้ตามมาตรา 1454
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหะสถานของโจทก์ และงัดหีบเสื้อผ้าของโจทก์ซึ่งอยู่ในห้องเรือนชำรุดเสียหาย ขอให้ลงโทษฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิจารณาเห็นว่าจำเลยเข้าไปในบ้านโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาตและยังนำสิ่งของที่เก็บไว้ในห้องเรือนไปด้วย เป็นการกระทำอันไม่มีเหตุสมควร ส่วนข้อหาฐานทำให้เสียทรัพย์ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการที่จำเลยเข้าไปในบ้านโจทก์ก็เพื่อพบภริยาของจำเลยซึ่งพักอยู่ที่นั้น เป็นการกระทำโดยสุภาพไม่มีเจตนากระทำผิดกฎหมาย จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ได้ยอมให้ภริยาจำเลยพักอาศัยอยู่ในบ้านเรือนย่อมถือว่าได้อนุญาตโดยปริยายให้จำเลยเข้าไปพบภริยาของตนได้ เว้นแต่จะปรากฏว่าเจ้าบ้านห้ามปราม ซึ่งเจ้าบ้านอาจถูกฟ้องร้องได้ตามประมวลแพ่งฯ มาตรา ๑๔๕๔ เพราะตามมาตรา ๑๔๕๓ สามีภริยาต้องอยู่กินด้วยกันและสามีเป็นผู้เลือกที่อยู่ให้ภริยา ถ้าหากโจทก์ขัดขวางมิให้ภริยาของจำเลยได้อยู่รวมกับจำเลยดังนี้ย่อมเป็นการขัดต่อความประสงค์ของกฎหมาย การที่จำเลยเข้าไปในบ้านโจทก์ก็เพราะต้องการพบภริยาของตนโดยธรรมดาทั้งโจทก์หรือคนในบ้านก็มิได้ห้ามปรามอย่างใดเมื่อจำเลยเข้าไปในห้องพักของภริยาและนำสิ่งของๆ จำเลยออกมาด้วยก็ได้จดหมายบอกไว้ด้วยแล้ว จึงไม่มีทางจะวินิจฉัยว่าจำเลยได้บังอาจบุกรุกเข้าไปในบ้านโจทก์โดยไม่มีเหตุผลสมควร จึงพิพากษายืน