คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บานหน้าต่างไม้สักของกลางจำนวน 22 บาน ซึ่งเป็นบานโกลน ยังไม่ทำบังใบเพื่อให้เป็นบานซ้ายบานขวา ทั้งเจ้าพนักงานจับได้ขณะที่จำเลยบรรทุกบานหน้าต่างเหล่านั้นขึ้นรถยนต์จะนำไปยังที่อื่นในยามวิกาล ประมาณ1.00 น. ดังนี้ บานหน้าต่างไม้สักของกลางนั้น หาใช่เป็นบานหน้าต่างสำเร็จรูปที่มีสภาพเป็นเครื่องใช้ไม่ เมื่อจำเลยมีไว้โดยมิได้รับอนุญาตจำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครอง

ย่อยาว

โจทกฟ้องจำเลยฐานมีไม้สักซึ่งเป็นบานหน้าต่างโกลนจำนวน ๒๒ บาน ปริมาตรเนื้อไม้ .๒๕ ลูกบาศก์เมตรไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๔๘,๗๒,๗๔ พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๔๙๔ มาตรา ๑๗ พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๐๓ มาตรา ๑๗ ประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ ลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๕
จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้ว่าบานหน้าต่างโกลนของกลางเป็นของจำเลยเพียง ๑๒ บาน เนื้อไม้มีปริมาตรไม่เกิน .๒๐ ลูกบาศก์เมตร นอกนั้นเป็นของผู้อื่น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง คงจำคุก ๔ เดือน ปรับ ๑,๕๐๐ บาท โทษจำให้รอ ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์ว่า บานหน้าต่างของกลางเป็นของสำเร็จรูป มีสภาพเป็นเครื่องใช้ตามกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า บานหน้าต่างของกลางเป็นของสำเร็จรูปแล้วตกเป็นเครื่องใช้ตามกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บานหน้าต่างของกลางเป็นไม้แปรรูปหรือของสำเร็จรูปเป็นเครื่องใช้นั้น ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๒ ซึ่งปรากฎว่าบานหน้าต่างของกลางเป็นบานโกลน ยังไม่ได้ทำบังใบเพื่อให้เป็นบานซ้ายบานขวา ทั้งเจ้าพนักงานจับได้ขณะที่จำเลยบรรทุกบานหน้าต่างนั้นขึ้นรถยนต์จะนำไปยังที่อื่นในเวลาวิกาลประมาณ ๑.๐๐ นาฬิกาเศษ ยิ่งกว่านั้น บานหน้าต่างก็มีตั้ง ๒๒ บานมากเกินควร และกำลังขนขึ้นรถจะพาไปที่อื่นก็ถูกจับ พฤติการณ์แสดงว่าไม้ของกลางเป็นไม้แปรรูป แต่ทำให้เป็นบานหน้าต่างโกลน ๆ ไว้เพื่อพรางเลี่ยงกฎหมาย หาใช่เป็นบานหน้าต่างสำเร็จรูปที่มีสภาพเป็นเครื่องใช้ไม่ ศาลทั้งสองฟังว่าจำเลยมีไม้แปรรูปไว้โดยผิดกฎหมายชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืน

Share