แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การฟ้องเรียกเงินระวาง+ออกตั๋วกับผู้รับตั๋วเงินนั้นไม่ใช่เรื่องไล่เบี้ย ฉะนั้นจะนำมาตรา 968 มาใช้บังคับไม่ได้ ในกรณีเช่นนี้ฟ้องบังคับให้ชำระดอกเบี้ยตามอัตราที่เขียนไว้ในตั๋ว
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยได้ตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ฉะบับ ๑ สัญญาใช้เงิน ๔๐๐๐ บาทเมื่อทวงถามกับดอกเบี้ยร้อยละ ๑๒ ต่อปี จำเลยชำระเงินแล้ว ๒๐๐๐ บาท โจทก์จึงฟ้องเรียกต้นเงิน ๒๐๐๐ บาทกับดอกเบี้ยที่ค้าง กับดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระต้นเงิน ๒๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๘๐ ซึ่งเป็นวันค้างชำระดอกเบี้ย โดยศาลอุทธรณ์กล่าวว่าตามตั๋วนั้นจำเลยจะใช้เงินเมื่อทวงถาม และดอกเบี้ยร้อยละ ๑๒ นั้นเป็นข้อกำหนดให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ ๑๒ ไปจนถึงทวงถาม ส่วนกำหนดต่อไปนั้นไม่มีกล่าวไว้ในตั๋วจึงต้องคิดให้ร้อยละ ๕ ต่อปีตาม ม.๙๖๘ และวันที่ค้างชำระดอกเบี้ยเป็นเวลาภายหลังถึงกำหนดใช้เงินแล้ว
โจทก์ฎีกาขอเรียกดอกเบี้ยร้อยละ ๑๒ ต่อปี
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตามมาตรา ๙๖๘ เป็นเรื่องผู้ทรงเรียกร้องเอาเงินจากบุคคลซึ่งตนใช้สิทธิไล่เบี้ย เรื่องนี้ไม่มีเรื่องไล่เบี้ยมาปะปนจึงใช้มาตรา ๙๖๘ ไม่ได้ จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยร้อยละ ๑๒ ต่อปีตามสัญญา จึงพิพากษาแก้ศาลล่างให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยร้อยละ ๑๒ ต่อปีนับแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๔๘๐ จนกว่าจะชำระเสร็จ