แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องเรียกทรัพย์อ้างว่าเป็นทรัพย์ของตนเอง ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นทรัพย์มฤดกของบุตรโจทก์ ดังนี้ ศาลจะพิพากษาให้จำเลยส่งมอบทรัพย์ไม่ได้ โดยถือว่าเป็นการฟ้องนอกประเด็น.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมาได้นายยาบุตรโจทก์เป็นสามีแต่ไม่ได้จดทะเบียน นายยาตายแล้ว โจทก์ไม่ได้อยู่บ้านได้มอบให้จำเลยเฝ้าเรือน จำเลยเก็บทรัพย์ไป ๑๓๕๕ บาท ขอให้จำเลยคืนและขับไล่ออกจากบ้าน
จำเลยต่อสู้หลายประการ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนทรัพย์หลายราชการและขับไล่
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ให้ยกข้อขับไล่ และแก้ให้จำเลยคืนทรัพย์น้อยลง
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกากล่าวว่าปัญหาชั้นนี้มีว่า โจทก์ฟ้องอ้างตนว่าเป็นเจ้าของทรัพย์มฤดกทั้งหมด ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นทรัพย์มฤดกของบุตรโจทก์ ควรจะพิจารณาเป็นคดีมฤดกหรือไม่
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า โจทก์มีทรัพย์ตามบัญชีหมาย ก.ท้ายฟ้องราคา ๑๓๕๕ บาท โดยโจทก์ได้ครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมาหลายปีแล้ว ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าทรัพย์ตามบัญชีหมาย ก.ทั้งหมดเป็นของโจทก์ และให้จำเลยส่งคืนแก่โจทก์อย่าให้จำเลยเกี่ยวต่อไป
ทางพิจารณาได้ความว่า ทรัพย์ตามบัญชีท้ายฟ้องหมาย ๑ ถึง ๕ เป็นทรัพย์ของนายยาตามกรมธรรม์ สัญญาและพะยานบุคคล ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องอ้างว่าเป็นทรัพย์ของตนเอง เมื่อพิจารณาได้ความว่าไม่ใช่ทรัพย์ของโจทก์ก็ต้องเรียกว่าโจทก์สืบไม่สมฟ้อง โจทก์จะขอให้พิพากษาแยกฟ้องนอกประเด็นไม่ได้ ผิดด้วยวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๔๒ วรรคต้น ด้วยข้อหาและข้อต่อสู้แตกต่างกัน โจทก์จึงขอเรียกร้องในฐานะคดีมฤดกความซึ่งฎีกามาไม่ได้ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์