แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คำพยานโจทก์ขัดต่อเหตุผลและตามคำพยานจำเลยฟังได้ว่าจำเลยทำสัญญากู้ไว้แทนการเช่า โดยจำเลยมิได้รับเงินตามสัญญาเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปจริง ก็ย่อมบังคับตามสัญญากู้ไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 40,000 บาท ตกลงให้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีถึงกำหนดจำเลยไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญา ขอให้บังคับจำเลยชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ไม่เคยกู้หรือรับเงินตามสัญญาดังฟ้องโจทก์ให้จำเลยทำสัญญากู้แทนการเช่า น.ส.3 ของนายสุวรรณและนางกุหรี่ม่วงนุ ที่จำเลยเช่าจากโจทก์ไปประกันค่าเดินทางของผู้อื่นไปทำงานต่างประเทศ โดยโจทก์เรียกค่าเช่า 2,000 บาท สัญญากู้ที่ฟ้องเป็นนิติกรรมอำพรางไม่มีมูลหนี้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 50,500 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยนำสืบตรงกันฟังได้ว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 224หมู่ที่ 1 ตำบลวังหิน อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เนื้อที่ 12ไร่ 1 งาน 50 ตารางวา ตามเอกสารหมาย ล.1 มีชื่อนายสุวรรณและนางกุหรี่ ม่วงนุ เป็นเจ้าของ โจทก์เป็นหลานเขยนายสุวรรณจำเลยเป็นคู่เขยกับนายสุวรรณ โจทก์จำเลยทำสัญญากู้ตามเอกสารหมายจ.1 เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2526 จำนวนเงิน 40,000 บาท กำหนดชำระวันที่ 1 มีนาคม 2527 ดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปี คงมีข้อโต้เถียงกันว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไปจริงตามสัญญาเอกสารหมาย จ.1หรือว่าจำเลยทำสัญญากู้ให้โจทก์ยึดถือไว้แทนการเช่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามเอกสารหมาย ล.1 …พิเคราะห์แล้วตามปัญหาดังกล่าวจำเลยนำสืบว่าจำเลยไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ โจทก์นำสืบรับว่าไม่ได้จ่ายเงินให้จำเลยตามสัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 เมื่อวันที่ 10กรกฎาคม 2526 จริง เพราะได้จ่ายไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2525เห็นว่า ข้อนำสืบของโจทก์ขัดต่อเหตุผลที่ว่าโจทก์ให้จำเลยกู้เงินเป็นจำนวนถึง 40,000 บาท แต่ไม่ได้ทำหลักฐานอะไรกันไว้ ข้อที่โจทก์อ้างว่าเพราะจำเลยมอบ น.ส.3 เอกสารหมาย ล.1 ให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน น.ส.3 ดังกล่าวก็มิใช่ของจำเลยแต่เป็นของนายสุวรรณและนางกุหรี่ ม่วงนุ การยึดถือ น.ส.3 ไว้ไม่น่าจะทำให้โจทก์ได้รับหลักประกันว่าจำเลยจะชำระเงินคืนให้ ทั้งจำเลยมีนายสุวรรณเจ้าของน.ส.3 มาเบิกความว่า ที่ดินตามหนังสือ น.ส.3 ดังกล่าว นายสุวรรณได้ขายให้โจทก์ไปก่อนแล้ว เมื่อคำพยานโจทก์ขัดต่อเหตุผลและตามคำพยานจำเลยฟังได้ว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้ไว้แทนการเช่า น.ส.3โดยจำเลยมิได้รับเงินตามสัญญา เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปจริง ก็ย่อมบังคับตามสัญญากู้ไม่ได้…”
พิพากษายืน.