แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แสตมป์สุราเป็นบัตรา ซึ่งรัฐบาลให้ทำไว้ใช้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติภาษีชั้นใน อันเป็นภาษีอากรอย่างหนึ่งอยู่ในการสรรพากร จึงเป็นบัตราตามที่บัญญัติไว้ใน ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 214
การที่อัยการโจทก์ฟ้องคดีอาญา โดยไม่มีตัวจำเลยมาส่งศาลพร้อมกับฟ้องทุกคนนั้น, ศาลจะสั่งรับประทับฟ้องเฉพาะ
จำเลยคนที่ส่งตัวมาพร้อมกับฟ้องเท่านั้นก็ได้.
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.สุรา และ ก.ม.ลักษระอาญามาตรา ๒๑๔, ๒๑๖ (ในขณะที่ยื่นฟ้องโจทก์ส่งตัวจำเลยที่ ๒ เท่านั้นพร้อมกับฟ้อง ส่วนจำเลยที่ ๑ ยังไม่มาตามที่นัดไว้ จำเลยที่ ๓ หลบหนีศาล
ชั้นต้นจึงหมายเรียกจำเลยๆ มาศาลต่อสู่คดีทุกคน)
จำเลยทุกคนปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทุกคนผิดตาม พ.ร.บ.สุรา พ.ส. ๒๔๙๓ มาตรา ๒๒ – ๒๓ ปรับคนละ ๑๕๐๐ บาท จำเลยที่
๒ – ๓ ผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๑๔, ๒๑๖ อีกกะทงหนึ่ง จำคุกอีกคนละ ๑ ปี ฯลฯ
จำเลยทุกคนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่โจทก์ไม่ได้ตัวจำเลยอีก ๓ คน มาส่งศาลพร้อมกับฟ้อง เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเพื่อยืดอายุความ
ฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลวิธีพิจารณาความอาญา จึงพิพากษาแก้ให้เพิกถอนการประทับฟ้องสำหรับนาย
สมบูรณ์ นายกิมไฮ้ และนายไช่หงำจำเลย ส่วนนายจือคี้จำเลยคงผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๑๖ ฐานใช้แสตมป์
สุราปลอม และผิดตาม พ.ร.บ. ภาษีชั้นในแก้ไขเพิ่มเติม ๒๔๗๖ มาตรา ๙ อีก กะทงหนึ่ง ฯลฯ
นายจือคี้จำเลยฎีกา ศาลสั่งรับเฉพาะข้อกฎหมาย.
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลมีอำนาจที่จะสั่งรับประทับฟ้องเฉพาะจำเลยคนใด และไม่รับประทับฟ้องเฉพาะจำเลยคนใด ก็อาจ
ทำได้ ไม่มีอะไรห้าม
ส่วนฎีกาข้อ ๒ นั้น ตาม พ.ร.บ. ภาษีชั้นใน (ฉะบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๘๖ บัญญัติว่า “แสตมป์สุรา” หมายความว่า แสตมป์ซึ่ง
กรมสรรพสามิตต์ได้กำหนดทำขึ้นเพื่อใช้ในกิจการดังบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.นี้ จึงเป็นบัตรซึ่งรัฐบาลทำขึ้นไว้ใช้เกี่ยวกับ
พ.ร.บ.ภาษีชั้นใด อันเป็นภาษีอากรอย่างหนึ่ง ซึ่งอยู่ในกรมสรรพากร ฉะนั้นจึงถือได้ว่า แสตมป์สุราเป็นบัตราตามที่
บัญญัติไว้ใน ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๑๔ การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดตามมาตรา ๒๑๖.
จึงพิพากษายืน.