แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพต่อพันตำรวจตรี ส. พนักงานสอบสวนว่า เมทแอมเฟตามีนของกลางที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้เป็นของจำเลยทั้งสองที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยซื้อมาจาก ธ. ซึ่งเป็นผู้ที่จำเลยทั้งสองระบุชื่อและที่อยู่ไว้ แม้ตามคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 เป็นเสมือนคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน แต่คำซัดทอดดังกล่าวมิได้เป็นเรื่องการปัดความผิดของจำเลยที่ 1 ให้เป็นความผิดของจำเลยที่ 2 เพียงผู้เดียว โดยจำเลยที่ 1 คงให้การแจ้งเรื่องราวความเป็นมาของการกระทำความผิดของตนยิ่งกว่าเป็นการปรักปรำจำเลยที่ 2 จึงรับฟังประกอบคำเบิกความพยานโจทก์และพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้
การที่จำเลยทั้งสองที่ร่วมกันแบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางใส่ในหลอดเครื่องดื่มถือว่าเป็นการผลิตตามบทนิยามในมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ และเมื่อเมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตเป็นเมทแอมเฟตามีนที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการผลิตโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่ายเป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษบทหนักฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่าย เมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักเพียง 4.86 กรัม เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 65 วรรคท้าย
เทียนไข ไฟแช็ก กรรไกร หลอดเครื่องดื่ม และถุงพลาสติกของกลางนั้น ตามบันทึกการตรวจค้นจับกุมระบุว่าวางอยู่ใกล้เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยทั้งสองกำลังแบ่งบรรจุ ซึ่งจำเลยทั้งสองก็ได้ลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องเกี่ยวกับทรัพย์ดังกล่าวไว้ทั้งจำเลยที่ 1 รับว่า ทรัพย์ดังกล่าวใช้สำหรับการบรรจุเมทแอมเฟตามีน ประกอบกับไฟแช็กและกรรไกรของกลางโดยสภาพสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการแบ่งบรรจุเมทแอมเฟตามีนได้ ทรัพย์ของกลางเหล่านั้นจึงเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองที่ต้องริบเสียทั้งสิ้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 และริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ปฏิเสธข้อหาผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 65 วรรคสอง, 66 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิต จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (1) คงจำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 (ที่แก้ไขใหม่) จำคุกคนละ 6 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณา และจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง และลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 ปี จำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 ปี 6 เดือน ไม่ริบเทียนไข ไฟแช็ก กรรไกร หลอดเครื่องดื่ม และถุงพลาสติกของกลางโดยให้คืนแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 โดยคู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง จำเลยทั้งสองร่วมกันแบ่งบรรจุเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยเจ้าพนักงานตำรวจยึดเมทแอมเฟตามีนของกลางได้จากจำเลยทั้งสองเป็นจำนวนทั้งสิ้น 54 เม็ด น้ำหนักรวม 4.86 กรัม ตามรายงานการตรวจพิสูจน์เอกสารหมาย จ.1 ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกมีว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ เห็นว่า ก่อนที่ร้อยตำรวจเอกสุรชาติกับพวกจะเข้าจับกุมจำเลยทั้งสองนั้น เชื่อได้ว่าเจ้าพนักงานตำรวจได้สืบทราบพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองเกี่ยวกับการลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน โดยใช้บ้านจำเลยที่ 1 เป็นสถานที่จัดจำหน่าย ร้อยตำรวจเอกสุรชาติจึงขอหมายค้นจากศาลชั้นต้น ขอตรวจค้นหาหลักฐานเพื่อจับกุมจำเลยทั้งสอง โดยพบจำเลยทั้งสองขณะนั่งบรรจุเมทแอมเฟตามีนใส่ในหลอดเครื่องดื่ม และพบเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 53 เม็ด ที่บรรจุในหลอดเครื่องดื่มปิดผนึกหัวท้ายแล้ว และบางส่วนที่ยังไม่ได้บรรจุในหลอดเครื่องดื่มวางอยู่บริเวณพื้นบ้านที่จำเลยทั้งสองนั่งอยู่ ซึ่งหากจำเลยทั้งสองมีเมทเอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวไว้เพื่อเสพเอง ก็ไม่มีเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องนำเมทแอมเฟตามีนมาบรรจุในหลอดเครื่องดื่มแล้วปิดผนึกด้วยการลนไฟที่หัวและท้ายหลอดไว้ อันเป็นการยุ่งยากและเสียเวลาโดยใช่เหตุ อีกทั้งในชั้นจับกุมจำเลยทั้งสองก็ยอมรับว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางดังกล่าวจำเลยทั้งสองมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยบันทึกการตรวจค้นจับกุมตามเอกสารหมาย จ.2 ที่จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพต่อพยานโจทก์ผู้จับกุมนั้น จำเลยที่ 1 ก็ยอมรับว่า ได้อ่านบันทึกการตรวจค้นจับกุมตามเอกสารหมาย จ.2 แล้ว จึงลงลายมือชื่อไว้ ถ้ารายละเอียดตามเอกสารดังกล่าวที่ว่าจำเลยทั้งสองได้เข้าหุ้นกันซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจำหน่ายให้กับลูกค้า เป็นข้อความที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นความจริงดังที่จำเลยทั้งสองกล่าวอ้าง ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จำเลยทั้งสองจะลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องไว้ ทั้ง ๆ ที่เจ้าพนักงานตำรวจมิได้บังคับขู่เข็ญให้ลงลายมือชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามบันทึกตรวจค้นจับกุมเอกสารหมาย จ.2 ระบุขั้นตอนขบวนการจัดจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของจำเลยทั้งสองเริ่มตั้งแต่จำเลยทั้งสองร่วมกันออกเงินทุนในการซื้อเมทแอมเฟตามีนจากผู้ค้ารายใหญ่ นำมาแบ่งจำหน่ายให้แก่ลูกค้าของจำเลยทั้งสอง ซึ่งรายละเอียดดังกล่าวอยู่ในการรู้เห็นของจำเลยทั้งสองเพียงฝ่ายเดียวอันเป็นการยากที่พยานโจทก์ผู้จับกุมจะเสกสรรปั้นแต่งขึ้นเองได้ ทั้งในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 ก็ให้การรับสารภาพต่อพันตำรวจตรีสมชายพนักงานสอบสวน ตามบันทึกคำให้การผู้ต้องหาเอกสารหมาย จ.4 ว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้เป็นของจำเลยทั้งสองที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยซื้อมาจากนายธีระวุฒิหรืออู๊ดซึ่งเป็นผู้ที่จำเลยทั้งสองระบุชื่อและที่อยู่ไว้ตามบันทึกการตรวจค้นจับกุมเอกสารหมาย จ.2 แม้ตามคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 เป็นเสมือนคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันก็ตาม แต่คำซัดทอดดังกล่าวมิได้เป็นเรื่องการปัดความผิดของจำเลยที่ 1 ให้เป็นความผิดของจำเลยที่ 2 เพียงผู้เดียว โดยจำเลยที่ 1 คงให้การแจ้งเรื่องราวความเป็นมาของการกระทำความผิดของตนยิ่งกว่าเป็นการปรักปรำจำเลยที่ 2 พยานหลักฐานโจทก์ตามทางนำสืบจึงฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการสุดท้ายมีว่า การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันแบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางใส่ในหลอดเครื่องดื่ม ถือได้ว่าเป็นการผลิตเมทแอมเฟตามีนหรือไม่ เห็นว่า บทบัญญัติมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ให้บทนิยามคำว่า “ผลิต” หมายความว่า เพาะ ปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป สังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ และให้หมายความรวมตลอดถึงการแบ่งบรรจุหรือรวมบรรจุด้วย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยทั้งสองที่ร่วมกันแบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางดังกล่าวใส่ในหลอดเครื่องดื่ม โดยมีหลอดเครื่องดื่มหลายหลอดที่เตรียมไว้เพื่อการแบ่งบรรจุเช่นนี้ถือว่าเป็นการผลิตตามบทนิยามในมาตรา 4 ดังกล่าวอันเป็นการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่าย ซึ่งนับได้ว่าเป็นการกระทำที่เป็นอันตรายแก่สังคมอย่างร้ายแรง ทำนองเดียวกับการเพาะ ปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป สังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์นั้นเอง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการผลิตโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่าย และเมื่อเมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตเป็นเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษบทหนักฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่าย ทั้งนี้ เมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักเพียง 4.86 กรัม การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 65 วรรคท้าย ส่วนเทียนไข 1 เล่ม ไฟแช็ก 1 อัน กรรไกร 1 เล่ม หลอดเครื่องดื่มและถุงพลาสติกของกลางนั้น ตามบันทึกการตรวจค้นจับกุมเอกสารหมาย จ.2 ระบุทรัพย์ดังกล่าวว่าวางอยู่ใกล้เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยทั้งสองกำลังแบ่งบรรจุ ซึ่งจำเลยทั้งสองก็ได้ลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องเกี่ยวกับทรัพย์ดังกล่าวไว้ ทั้งจำเลยที่ 1 รับว่าเทียนไข หลอดเครื่องดื่ม ถุงพลาสติกของกลางใช้สำหรับการบรรจุเมทแอมเฟตามีนประกอบกับไฟแช็กและกรรไกรของกลาง โดยสภาพสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการแบ่งบรรจุเมทแอมเฟตามีนได้ จึงฟังได้ว่าทรัพย์ของกลางเหล่านั้นเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสอง ที่ต้องริบทรัพย์ของกลางดังกล่าวเสียทั้งสิ้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาทุกข้อของโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15, 65 และ 66 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน โดยในความผิดฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนตามมาตรา 15 วรรคหนึ่ง ทั้งตามกฎหมายเดิมและกฎหมายที่แก้ไขใหม่คงใช้ข้อความทำนองเดียวกัน ดังนั้น กฎหมายที่แก้ไขใหม่ไม่เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสอง จึงต้องใช้กฎหมายเดิมบังคับแก่จำเลยทั้งสองในส่วนนี้ ส่วนกำหนดโทษนั้นตามมาตรา 65, 66 กฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดเป็นคุณมากกว่าในส่วนที่เกี่ยวกับโทษ ซี่งมีหลายสถานที่จะลงได้ โดยเมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักสุทธิเพียง 4.86 กรัม กรณีต้องตามมาตรา 65 วรรคท้าย จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณบังคับแก่จำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225″
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 65 วรรคท้าย (ที่แก้ไขใหม่), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนโดยการแบ่งบรรจุเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกคนละ 16 ปี และปรับคนละ 400,000 บาท จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณา ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง และลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 8 ปี และปรับ 200,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 12 ปีและปรับ 300,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง