แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกัน  แต่วินิจฉัยว่าแม้โจทก์ผู้ซื้อจะครอบครองที่ดินมานานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ  จึงพิพากษายกฟ้อง  โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์คง พิพากษายกฟ้อง  ยืนตามศาลชั้นต้น  แต่ไปวินิจฉัยว่าการซื้อขายไม่สมบูรณ์  เพราะทำไม่ถูกแบบ  และฟังไม่ได้ว่าซื้อขายกัน  ซึ่งไม่มีประเด็นมาสู่ศาลอุทธรณ์  และไม่ปรากฎว่า  ศาลชั้นต้นวินิจฉัยความข้อนี้ผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด  คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าว  จึงฝ่าฝืน ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา  243 (3)  ศาลฎีกาจึงไม่จำต้องถือตามข้อเท็จจริงข้อนี้ตามมาตรา  250  ศาลฎีกาคงฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้นได้
ตกลงจะซื้อขายที่ดินกัน  ชำระเงินราคาที่ดินครบถ้วนแล้ว  และส่งมอบที่ดินให้ผู้ซื้อครอบครองมากว่า  10  ปีแล้ว  พฤติการณ์เช่นนี้เป็นที่เห็นได้ว่า  คู่กรณีไม่ได้คำนึงถึงการที่จะแก้ทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียแล้ว  ผู้ซื้อคงครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า  10  ปี   จึงได้กรรมสิทธิในฐานที่ได้ครอบครองมา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  สามีจำเลยขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ๆชำระเงินและครอบครองที่พิพาทมา  ๒๐  ปีแล้ว  บัดนี้สามีจำเลยตาย  จำเลยกลับไปรับมรดกแก้โฉนด  เป็นชื่อจำเลย  จึงขอให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนด  แล้วใส่ชื่อโจทก์แทน
จำเลยต่อสู้ว่า  ไม่ได้ขายที่พิพาทให้โจทก์ๆ  เพียงแต่ทำนาที่พิพาทต่างดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง  อ้างเหตุว่าสัญญาระหว่างโจทก์กับสามีจำเลยเป็นสัญญาจะซื้อขาย  โจทก์ผู้ซื้อจะครอบครองมานานเท่าใด  ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ
โจทก์อุทธรณ์   –   ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า  การซื้อขายไม่สมบูรณ์  เพราะทำไม่ถูกแบบ  และการซื้อขายพยานโจทก์ก็แตกกัน  เมื่อการซื้อขายโจทก์สืบไม่สมแล้วก็ฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ครอบครองด้วยเป็นเจตนาเป็นเจ้าของ  คงพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า  การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับนางจันทร์ฟังไม่ได้นั้น  ไม่มีประเด็นมาสู่ศาลอุทธรณ์  และไม่ปรากฎว่า  ศาลชั้นต้นวินิจฉัยความข้อนี้ผิดต่อกฎหมายอย่างใด  ฉะนั้นคำวินิจฉัยจึงฝ่าฝืน  ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา  ๒๔๓(๓)  แล้วศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า  ไม่ใช่เป็นเรื่องให้ทำนาต่างดอกเบี้ย  แต่เป็นเรื่องที่นายจันทร์ได้ทำสัญญาขายที่รายพิพาทให้โจทก์  โดยได้รับเงินโจทก์และมอบที่นาส่วนของตนให้โจทก์  ครอบครองทำมากว่า  ๑๐  ปีแล้ว  พฤติการณ์เช่นนี้เป็นที่เห็นได้ว่า  คู่กรณีไม่ได้คำนึงถึงการที่จะแก้ทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียแล้ว  โจทก์คงครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของมากกว่า  ๑๐  ปี  ดังนี้ก็ย่อมได้กรรมสิทธิในฐานที่ได้ครอบครองมา
จึงพิพากษากลับ  ให้โจทก์ชนะ

