แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
อาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางเป็นปืนมีทะเบียนซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้ตามกฎหมาย แม้จำเลยจะมิได้ใช้ทำผิดฐานชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือฆ่าผู้อื่น และการที่จำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวได้พาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะ และยิงปืนในหมู่บ้านหรือชุมนุมชนไม่อาจทำให้อาวุธปืนของกลางที่มีใบอนุญาตแล้วกลายเป็นอาวุธปืนที่มีไว้ผิดกฎหมายไปด้วยก็ตาม แต่ก็คงเป็นวัตถุแห่งการกระทำความผิดหรือเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งอยู่ในดุลพินิจหรืออำนาจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่แล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆไป ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพาอาวุธปืน ขนาด .45 มม. หมายเลขทะเบียน กจ.5/9688 จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนที่ใช้ยิงได้ของจำเลย ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้ตามกฎหมาย ติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ทั้งไม่เป็นกรณีที่ต้องมีอาวุธปืนติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ แล้วโดยใช่เหตุจำเลยใช้อาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวยิงในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน หลังเกิดเหตุเจ้าพนักงานยึดได้หัวกระสุน 2 หัวปลอกกระสุน 2 ปลอก ที่จำเลยใช้กระทำผิด และต่อมาจำเลยเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานพร้อมอาวุธปืนกระสุนปืนจำนวน 5 นัด และแมกกาซีน1 อัน ที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 376, 91, 33 และริบของกลาง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371, 376, 91, 33 ฐานพาอาวุธปืน ปรับ 1,000 บาท ฐานยิงปืนปรับ 500 บาท รวม 1,500 บาท จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ปรับ 750 บาท ริบของกลาง จำเลยอุทธรณ์ขอให้คืนของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยได้กระทำผิดฐานพาอาวุธปืนมีทะเบียน1 กระบอก ติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควรและไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ทั้งไม่เป็นกรณีที่ต้องใช้อาวุธปืนติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์แล้วใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางยิงขึ้นในเมืองหมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษปรับจำเลยฐานพาอาวุธปืน 1,000 บาท และปรับฐานยิงปืน 500 บาท รวมปรับ1,500 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงปรับ 750 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง มีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ตามฎีกาของจำเลยว่า ศาลมีอำนาจสั่งริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางหรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่าอาวุธปืนศาลจะสั่งริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ก็คือบุคคลนั้นได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิด แต่กรณีของจำเลยไม่ปรากฏว่าจำเลยนำไปใช้เพื่อชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือฆ่าบุคคลอื่นประการใด นั้น เห็นว่าอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางเป็นปืนมีทะเบียนซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้ตามกฎหมาย แม้อาวุธปืนของกลางจำเลยจะมิได้ใช้ทำผิดฐานชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือฆ่าผู้อื่นดังที่จำเลยฎีกาก็ตาม และการที่จำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวได้พาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะ และยิงปืนในหมู่บ้านหรือที่ชุมนุนชนตามฟ้องนั้นไม่อาจทำให้อาวุธปืนของกลางที่มีใบอนุญาตแล้วกลายเป็นอาวุธปืนที่มีไว้ผิดกฎหมายไปด้วยก็ตาม แต่ก็คงเป็นวัตถุแห่งการกระทำความผิดหรือเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดซึ่งอยู่ในดุลพินิจหรืออำนาจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้ก็แล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ปัญหาว่าควรริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางหรือไม่ คดีนี้แม้เกิดเหตุในที่ชุมนุมชนแต่ก็ไม่ปรากฏว่าเป็นเขตชุมนุมชนพลุกพล่านหนาแน่นเพียงใดหรือเกิดเหตุในเขตเทศบาลหรือสุขาภิบาลหรือไม่อย่างไร เห็นว่ากรณียังไม่มีเหตุสมควรให้ริบดังนั้น การที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางจึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษาแก้เป็นว่า ของกลางไม่ริบและให้คืนแก่จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์