แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤติการณ์ที่ถือว่ามารดามิได้ปกครองทรัพย์แทนบุตร์บิดาตายมา 20 ปีกว่าแล้วแต่ในขณะบิดาตายบุตร์ยังเป็นผู้เยาว์อยู่ แต่ก็ได้บรรลุนิติภาวะมาก่อน+ถึง 10 ปีกว่าแล้ว ในระหว่างนั้นมารดาปกครองทรัพย์นั้นมาร สิทธิเรียกร้องของบุตร์ในทรัพย์มฤดกของบิดาย่อมขาดอายุความเมื่อไม่ได้ความว่ามารดาได้ปกครองทรัพย์นี้นแทนบุตร์ การที่มารดาใช้อำนาจปกครองบุตร์ผู้เยาว์มานั้นน+ถือว่ามารดาได้ปกครองทรัพย์ของบุตร์ด้วย แต่เมื่อบุรต์บรรลุนิติภาวะแล้วการปกครองทรัพย์แทนบุตร์โดยอำนาจกฏหมายย่อมสิ้นสุดลง ต่อไปต้องถือตามความจริง +ความมฤดกอย่างยาว +0 ปีต้องเริ่มนับแต่วันที่มีสิทธิรับมฤดกมีสิทธิเรียกร้องขึ้นหาใช่นับแต่วันผู้มีสิทธิรับมฤดกรู้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง ๒ ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันเรียกทรัพย์มฤดกของบิดา โดยกล่าวว่ามารดาของโจทก์จำเลยซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วไม่มีสิทธิที่จะจำหน่ายทรัพย์สินอันเป็นมฤดกของบิดา ซึ่งโจทก์มีส่วนได้ร่วมอยู่ด้วย นอกจากนั้นโจทก์ยังฟ้องเรียกมฤดกของปู่โจทก์ซึ่งโจทก์อ้างว่ามารดาได้รับไว้แล้วไม่จ่ายให้-โจทก์อีกด้วย
ศาลฎีกาตัดสินว่าฟ้องโจทก์ซึ่งเรียกมฤดกบิดานี้ขาดอายุความแล้ว เพราะบิดาวายชนม์มาจนถึงวันโจทก์ฟ้องถึง ๒๕ ปี แม้เวลานั้นโจทก์ยังเยาว์อยู่แต่ก็ได้บรรลุนิติภาวะมาก่อนฟ้องถึง ๑๙ ปีแล้ว ถ้าจะใช้อายุความ ๑๐ื ปี สิทธิเรียกร้องก็ขาดอายุความแล้ว ข้อที่โจทก์คัดค้านว่าโจทก์ได้ปกครองมฤดกร่วมมากับมารดาหรือมารดาปกครองแทนมาก็ฟังไม่ได้ด้วยข้อเท็จจริงได้ความชัดว่าตั้งแต่บิดาวายชนม์จนโจทก์บรรลุนิติภาวะ ตลอดมาจนมารดาวายชนม์ลงอีกผู้หนึ่ง มาดดาได้ปกครองทรัพย์รายนี้มาแต่ผุ้เดียว ดังพฤตติการณ์เช่นที่ว่าตั้งแต่บิดาวายชนม์แล้ว มารดาก็โอนรับมฤดกใส่ชื่อตนแต่ผู้เดียว การเก็บหาดอกผลและจัดการทรัพย์ก็ทำแต่ผู้เดียว และยังได้โอนที่ดินบางแปลงที่รับโอนมานั้นให้จำเลยที่ ๑ และ ๒ ทำพินัยกรรม์ยกทรัพย์ให้โจทก์จำเลยด้วย โจทก์ทราบก็หาคัดค้านไม่ ทั้งเมื่อบิดาวายชนม์แล้วโจทก์ก็ไม่ได้อยูกับมารดาโจทก์ไปอยู่กับญาติอื่นเสียกว่า ๑๐ ปี ที่โจทก์มาอยู่กับมารดาภายหลังก็อยู่ในฐานะอาศัย ส่วนข้อที่คัดค้านว่าถึงแม้มารดาจะขาดการปกครองโจทก์ เพราะโจทก์บรรลุนิติภาวะแล้วก็เป็นแต่ขาดการปกครองตัวไม่ขาดการปกครองทรัพย์นี้นฟังไม่ขึ้น
เพราะที่ถือว่ามารดาเป็นผู้ปกครองโจทก์ในส่วนทรัพย์นี้ก็เพราะถือว่ามารดาปกครองโจทก์ระหว่างยังเยาว์ ก็เมื่อการปกครองในระหว่างยังเยาว์ขาดสิ้นไปแล้ว การปกครองทรัพย์ก็ย่อมสุดสิ้นไปด้วย ส่วนเงิน ๘๐๐ บาทที่อ้างว่าบิดามารดารับมาแทนโจทก์ก่อนบิดาวายชนม์นี้นก็ขาดอายุความแล้วเช่นกัน เพราะการที่โจทก์เพี่งรู้ว่าตนมีส่วนได้ภายหลังฟ้องไม่ถึงปีไม่ใช่ข้อสำคัญ เพราะอายุความต้องนับแต่วันโจทก์มีสิทธิเรียกร้องเป็นต้นไป ส่วนเงินส่วนได้ของโจทก์เดือนละ ๒๐ บาทอันเป็นมฤดกของปู่โจทก์นั้น ศาลล่างทั้ง ๒ เห็นว่าโจทก์มีสิทธิได้ย้อนหลังขึ้นไป ๑๐ ปี นัยแต่วันฟ้องนั้น โจทก์ฎีกาว่าควรได้ทั้งหมด ศาลนี้เห็นว่าการนับอายุความในเรื่องนี้ต้องนับแต่เดือนที่มารดารับเงินแทนและโจทก์บรรลุนิติภาวะแล้วหาใข่นับแต่วันโจทก์รู้ไม่เช่นเดียวกันส่วนที่จำเลยที่ ๑ คัดค้านว่าไม่ควรต้องรับผิดในเงินรายนี้นั้น ก็ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน ศาลล่างให้ยกฟ้องโจทก์เสียทุกข้อคงบังคับให้แต่เฉพาะเงินเดือนซึ่งเป็นส่วนได้ของโจทก์ตามมฤดกปู่ซึ่งมารดาโจทก์ได้รับมานับแต่วันถอยหลังไป ๑๐ ชอบแล้ว พิพากษายืนให้ยกฎีกาโจทก์และจำเลยที่ ๑ เสีย