คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 814/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญาประนีประนอมกัน แบ่งที่ดินเป็น 4 ส่วน โดยถือตามหลักที่แบ่งไว้ต่อมาจำเลยไม่ยอมตามที่ตกลง โจทก์จึงฟ้องขอให้แบ่งตามสัญญา ศาลพิพากษาให้แบ่งเป็น 4 ส่วนเท่าๆ กันคดีถึงที่สุด ดังนี้ ต่อมาศาลจะสั่งเปลี่ยนแก้ให้แบ่งตามที่ตกลงปักหลักกันตามสัญญา ไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 วรรค 2

ย่อยาว

โจทก์ จำเลย และทายาทอื่นรวมด้วยกันทั้งหมด ๔ คน ทำสัญญาประนีประนอมแบ่งที่ดินมรดกแปลงหนึ่งออกเป็น ๔ ส่วนตามที่ตกลงปักหลักเขตแบ่งกันไว้ (ซึ่งได้จำนวนเนื้อที่ไม่เท่ากัน) แล้วต่อมาจำเลยไม่ยินยอมตามที่ตกลง โจทก์จึงฟ้องจำเลยขอให้ตกลงตามที่ทำสัญญาประนีประนอมกันไว้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีเต็มตามฟ้องแต่กล่าวในท้ายคำพิพากษาว่าให้แบ่งที่พิพาทออกเป็น ๔ ส่วนเท่าๆ กัน ต่อมาทนายจำเลยแถลงต่อศาลขอให้อธิบายคำพิพากษาว่าทนายความว่า การแบ่งออกแต่ละส่วนนั้นต้องมีเนื้อที่เท่ากันหรืออย่างไร ศาลจดรายงานอธิบายว่า หมายความว่าแต่ละส่วนมีเนื้อที่เท่ากัน โจทก์และจำเลยเห็นชอบตามคำอธิบายนี้ แต่ต่อมาอีก ๒ วัน ศาลจดรายงานใหม่ว่าคำสั่งอธิบายเดิมนั้นผิดพลาด เพราะความจริงโจทก์ฟ้องขอให้แบ่งตามสัญญาประนีประนอมซึ่งมีการปักหลักเจตไว้แล้ว ให้แบ่งตามที่ตกลงยินยอมกันนั้น
จำเลยอุทธรณ์ว่า คำสั่งใหม่ไม่ชอบ เพราะเป็นการกลับหรือแก้คำวินิจฉัยเดิม
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ศาลพิพากษาให้แบ่งที่พิพาทออกเป็น ๔ ส่วนเท่าๆ กัน โดยไม่ได้กล่าวถึงหลักที่ปักแบ่งกันไว้ตามสัญญาประนีประนอม ฉะนั้น ข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมย่อมระงับสิ้นไปตามผลของคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้ว การที่ศาลชั้นต้นสั่งอธิบายในคราวหลังเป็นการแก้คำวินิจฉัยในคำพิพากษา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๓ วรรค ๒ จึงพิพากษาให้ยกคำสั่งคราวหลังของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ด้วยเหตุผลเช่นเดียวกัน

Share