คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีฟ้องให้บริษัทจำกัดชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1272 ที่ว่า ต้องฟ้องภายในกำหนด 2 ปีนับแต่วันที่ถึงที่สุดแห่งการชำระบัญชีนั้น อายุความต้องเริ่มนับแต่วันที่นายทะเบียนสั่งรับจดทะเบียนแล้ว เพราะคำสั่งเช่นนี้ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้บุคคลทั้งปวงรับรู้ มิใช่เริ่มนับแต่วันที่ยื่นคำขอจดทะเบียน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า “แต่จำเลยมิได้แสดงแก่เจ้าพนักงานกองทะเบียนและในหลักฐานการชำระบัญชีว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ค่ากระสอบของโจทก์ดังกล่าวแล้วข้างต้น ซึ่งโจทก์ถือว่าจำเลยปิดบังหนี้สินรายนี้ ทั้งจำเลยมิได้ชำระเงินค่ากระสอบนี้ให้แก่โจทก์ โจทก์จึงจำเป็นต้องยื่นฟ้องขอคำบังคับของศาลให้จำเลบชำระหนี้ดังกล่าวแล้วให้แก่โจทก์ต่อไป” นั้น เป็นเรื่องผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ จะถือว่าโจทก์กล่าวหาจำเลยให้รับผิดฐานละเมิดยังไม่ได้ เพราะการกล่าวหาให้รับผิดฐานละเมิดจะต้องกล่าวแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำให้โจทก์ต้องเสียหาย
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7,8/2504

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง่า จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาขายข้าวกับผู้อำนวยการสำนักงานข่าวผู้แทนโจทก์รวม ๗ ครั้ง โดยตกลงว่าโจทก์ผู้ซื้อจะเป็นผู้จัดหากระสอบให้ผู้ขายเพื่อบรรจุข้าว จำเลยที่ ๑ ได้รับกระสอบข้าวไปตามสัญญาแล้วแต่มิได้บรรจุข้าว นำส่งแก่โจทก์ครบตามสัญญา ยังขาดจำนวนอยู่ ๔,๒๕๐ ใบ คิดเป็นเงิน ๕๕,๐๖๒.๕๐ บาท ต่อมาจำเลยที่ ๑ เลิกบริษัท จำเลยที่ ๒,๓ เป็นผู้ชำระบัญชี จึงขอให้จำเลยทั้งสามชำระเงินค่ากระสอบดังกล่าวพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดที่ยื่นคำให้การ จำเลยที่ ๒,๓ รับว่าเป็นผู้ชำระบัญชีเลิกบริษัทจำเลยที่ ๑ จริง แต่ปฏิเสธความรับผิดและต่อสู้ว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยที่ ๒,๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษา
จำเลยที่ ๒, ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อสำนักงานข้าวเตือนให้จำเลยที่ ๑ ส่งคืนกระสอบหรือใช้ราคาแทน ครั้งเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๔๔๗ จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ลงนามในหนังสือรับว่ากระสอบยังขาดอยู่ ๔,๒๕๐ ใบ จะนำส่งใช้หนี้ต่อไป ระหว่างนั้นเป็นเวลาที่ผู้ชำระบัญชีกำลังชำระบัญชีอยู่ เริ่มชำระบัญชีเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๙๗ ยื่นคำขอจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญขีเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๔๙๗ ต่อมาวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๔๙๗ นายทะเบียนสั่งรับและจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีตามขอ ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่าอายุความต้องเริ่มนับแต่วันที่นายทะเบียนสั่งรับจดทะเบียนแล้ว ดังศาลอุทธรณ์ชี้ขาด คำสั่งเช่นนี้ของนายทะเบียนต้องประกาศในหนังสือราชกิจจานุเบกษาให้บุคคลทั้งปวงได้รับรู้ ถ้านับแต่วันที่ผู้ชำระบัญชียื่นคำขอจดทะเบียนย่อมยังไม่เป็นการแน่อน นายทะเบียนอาจขัดข้อง ไม่รับจดทะเบียน โดยเหตุหนึ่งเหตุใดในวันยื่นก็ได้ จึงเรียกไม่ได้ว่าได้จดทะเบียนแล้วตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๗๐ วรรค ๒ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต่อไปที่ว่าจำเลยที่ ๒,๓ ในฐานะผู้ชำระบัญชีจะต้องรับผิดเป็นส่วนตัวในหนี้สินรายนี้หรือไม่ โจทก์กล่าวไว้ในวรรคสุดท้ายแห่งคำฟ้องเพียงว่า “แต่จำเลยมิได้แสดงแก่เจ้าพนักงานกองทะเบียนและในหลักฐานการชำระบัญชีว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ค่ากระสอบของโจทก์ดังกล่าวแล้วข้างต้น ซึ่งโจทก์ถือว่าจำเลยปิดบังหนี้สินรายนี้ ทั้งจำเลยมิได้ชำระเงินค่ากระสอบนี้ให้แก่โจทก์ โจทก์จึงจำเป็นต้องยื่นฟ้องขอคำบังคับของศาลให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวแล้วให้แก่โจทก์ต่อไป” ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเห็นว่า คำบรรยายฟ้องนี้ยังไม่เพียงพอที่จะให้จำเลยทั้งสองรับผิดชอบเป็นส่วนตัวดังที่โจทก์ประสงค์ เพราะจะถือว่าโจทก์กล่าวหาจำเลยให้รับผิดฐานละเมิดยังไม่ได้ เพราะการกล่าวหาให้รับผิดฐานละเมิดจะต้องกล่าวแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำให้โจทก์ต้องเสียหายเพราะการกระทำของจำเลย เพียงแต่จำเลยไม่ได้แสดงต่อเจ้าพนักงานและหลักฐานในการชำระบัญชีถึงหนี้สินรายนี้ ซึ่งไม่ปรากฎในคำฟ้องว่าเพราะเหตุใด จะฟังเลยไปดังโจทก์กล่าวในคำฟ้องว่าจำเลยปิดบังหนี้สินรายนี้ก็ยังหาได้ไม่ เพราะโจทก์ไม่ได้บรรยายเหตุประกอบอันจะให้ฟังได้เช่นนั้น คดีของโจทก์จึงไม่มีทางจะให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓
รับผิดเป็นส่วนตัวร่วมกับจำเลยที่ ๑ ได้ แต่ต้องรับผิดชอบในฐานเป็นผู้ชำระบัญชี
พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ ๒,๓ ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว

Share