แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บริษัทต่างประเทศตั้งตัวแทนให้ฟ้องความโดยทำเป็นหนังสือลงนามประธานกรรมการแลประทับตราของบริษัทดังนี้ เรียกได้ว่าเป็นการสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว พะยาน ดุลยพินิจ คู่ความอ้างพะยานซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่คดีอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะตัดไม่ให้สืบเสียได้ทรัพย์มาโดยเป็นตัวแทนของเขานั้น ถ้าการตั้งตัวแทนไม่ได้ทำเป็นหนังสือตัวแทนก็ต้องคืนของที่ได้มาให้แก่ตัวการฐานลาถมิควรได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าบริษัท ม.ซึ่งเป็นบริษัทอังกฤษจดทะเบียนที่สหรัฐมลายูได้มอบอำนาจให้จำเลยเป็นผู้ร้องขอประทานบัตร์รายพิพาทนี้โดยทุนรอนของบริษัทจำเลยได้รับประทานบัตร์แล้วไม่ยอมโอนให้บริษัท ๆจึงมอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องจำเลย โจทก์จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยโอนชื่อในประทานบัตร์ให้แก่บริษัท
จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแทนบริษัท และไม่มีพะยานหลักฐานในสำนวนว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ในการ้องขอประทานบัตร์ แลว่าจำเลยขออ้าง อ.เป็นพะยานแต่ศาลก็ตัดเสีย
ศาลฎีกาเห็นว่าในเรื่องหลักฐานให้อำนาจฟ้องความได้มีบันทึกรายงานการประชุมมอบอำนาจให้โจทก์เป็นผุ้จัดการฟ้องร้องปรากฎในเอกสารท้าย+ แลในเอกสารนี้ได้ลงนามประธานกรรมการของบริษัทประทับตราของบริษัทแลมีไวกงสุลสยามลงชื่อรับรองทั้งได้ปิดอากรแสตมป์ด้วยแล้ว จึงฟังได้ว่าเป็นหนังสือแต่งตั้งมอบอำนาจให้ฟ้องความตาม ม.๗๙๘ แล้ว
ส่วนข้อฎีกาที่ว่าการตั้งตัวแทนไม่ชอบด้วยป.พ.พ.ม. ๗๙๘ นั้นศาลฎีกาเห็นว่าข้อนี้เมื่อศาลล่างฟังว่า อ.เป็นแต่ถือประทานบัตร์ไว้แทนบริษัท จึงเห็นว่าพฤตติการณ์เช่นนี้ต้องถือว่าเป็นการได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างเอาของบริษัทไว้ได้ จึงตกเป็นลาภมิควรได้ จะต้องคืนให้แก่บริษัทตาม ป.พ.พ.ม.๔๐๖
ส่วนข้อที่ว่าศาลตัดพะยานไม่สืบ อ.พะยานของจำเลยนั้น เห็นว่าศาลมีอำนาจที่จะตัดไม่อนุญาตให้คู่ความอ้างพะยานที่ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีได้ จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง