แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
วินิจฉัยค่าเสียหายในคดีที่ศาลสูงย้อนคดีให้วินิจฉัยใหม่คำบังคับเด็ดขาด วิธีพิจารณาแพ่งร.ศ.127 ม.24-143 โจทก์จะยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องในเมื่อเสร็จสิ้นการพิจารณาและศาลสูงย้อนสำนวน+ให้ศาลล่างวินิจฉัยคดีใหม่ นั้นไม่ได้ โจทก์อุทธรณ์ขอค่าเสียหายมากกว่าที่ศาลเดิมกำหนดให้ต้องเสียค่าขึ้นศาลเต็มตามจำนวนที่ฟ้องเรียก จะขอเสียค่าขึ้นศาลฉะเพาะจำนวนที่ขอเพิ่มไม่ได้ ค่าทนาย คู่ความฝ่าย 1 อุทธรณ์เรื่องค่าขึ้นศาล อีกฝ่าย 1 แก้อุทธรณ์ แม้อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้นศาลก็ไม่ให้ค่าทนายแก่ผู้แก้อุทธรณ์
ย่อยาว
โจทก์จำเลยต่างฟ้องแย้งกันหาว่าอีกฝ่าย ๑ บังอาจขนดินที่มีแร่ปนแลมูลแร่ของตนไปจากเขตต์ประทานบัตร์ของโจทก์ และเรียกค่าเสียหาย
คดีมาสู่ศาลฎีกาคราวก่อน ศาลฎีกาตัดสินกลับศาลล่างซึ่งตัดสินให้จำเลยชนะได้ค่าเสียหาย ว่าโจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยฐานขนดินที่มีแร่ปนของโจทก์ แต่ศาลล่างยังไม่ได้วินิจฉัยถึงค่าเสียหาย จึงย้อนสำนวนไปให้ศาลล่างดำเนิรการพิจารณากำหนดค่าเสียหายต่อไปและให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมค่าทนาย ๑๐๐๐ บาทแทนโจทก์
ศาลเดิมวินิจฉัยคดีใหม่ว่า ศาลไม่จำต้องถือเท็จจริงตามคำพิพากษาฉะบับก่อน ๆ จะเป็นของศาลมณฑลเองหรือของศาลอุทธรณ์ก็ตาม จึงวินิจฉัยเรื่องค่าเสียหายใหม่แล้วพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๓๘๙๑๘ บาท ๘๕ สตางค์กับดอกเบี้ย
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าศาลฎีกาประสงค์ให้ศาลเดิมกำหนดค่าเสียหายโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ได้วินิจฉัยมาแล้วโดยคำนึงถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นใหม่เนื่องจากศาลฎีกาให้โจทก์ชนะคดี ศาลอุทธรณ์จึงถือสำนวนแร่ที่จำเลยขนไปซึ่งได้วินิจฉัยไว้แล้วในคราวก่อนเป็นหลักกำหนดค่าเสียหายคำนวณค่าเสียหายได้ ๑๕๔๔ บาท ๕๓ สตางค์ กับค่าทำรั้วของโจทก์บุบสลายอีก ๑๐ บาท ส่วนเงินดอกเบี้ยโจทก์ไม่ควรได้ เพราะโจทก์มิได้ร้องขอไว้เดิม พึ่งมาร้องขอเพิ่มเติมเมื่อศาลฎีกาย้อนสำนวนไปศาลเดิม
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
ในคดีนี้โจทก์จำเลยได้อุทธรณ์ฎีกากันในเรื่องค่าธรรมเนียมค่าทนายด้วย คือ
๑. ศาลเดิมให้จำเลยชนะคดีคราวก่อนกำหนดค่าเสียหายซึงโจทก์ต้องเสียให้จำเลย ๔๓๐๔๑ บาท ๔๙ สตางค์ บริษัทจำเลยอุทธรณ์ ขอเพิ่มค่าเสียหายเป็นเงิน ๕๐๘๘๕ บาท ๓๕ สตางค์ ศาลเดิมเรียกค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ ๕๐๘๘๕ บาท ๓๕ สตางค์ จำเลยเถียงว่ควรเสียค่าขึ้นศาลฉะเพาะจำนวนเงินที่เรียกเพิ่มชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ว่า ศาลเดิมเรียกค่าขึ้นศาลชอบแล้ว แลในการที่จำเลยอุทธรณ์ในเรื่องนี้ โจทก์ได้แก้อุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ไม่ให้ค่าทนายแก่โจทก์ โจทก์ฎีกาว่าตนควรได้ค่าทนาย ศาลฎีกาตัดสินยกฎีกาโจทก์อ้างเหตุว่า โจทก์ไม่มีเหตุที่ควรเข้ามาแก้
๒. ศาลเดิมมีคำสั่งให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมค่าทนาย ๘๑๗๓ บาท ๗๕ สตางค์มาเสียแทนโจทก์ตามคำพิพากษาฎีกาฉะบับก่อน จำเลยนำเงินมาวางแล้วอุทธรณ์และฎีกาในจำนวนค่าขึ้นศาล ๓๑๕๕ บาท ๗๕ สตางค์ว่า ศาลยังไม่ควรบังคับให้จำเลยใช้เงินจำนวนนี้แก่โจทก์จนกว่าศาลจะได้พิพากษากำหนดค่าเสียหายให้แก่โจทก์ แลจำเลยควรเสียค่าขึ้นศาลในจำนวนทุนทรัพย์ค่าเสียหายซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาในครั้งหลังนี้ ศาลฎีกาตัดสินว่าคำพิพากษาศาลฎีกาเรื่องค่าธรรมเนียมนี้เด็ดขาดแล้ว และว่าคำสั่งศาลเดิมชอบแล้ว