คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1392/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินของโจทก์ทั้งสามถูกเวนคืน 3 ครั้ง แต่ละครั้งที่ถูกเวนคืนเนื่องจากการดำเนินการโดยอาศัยพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนซึ่งตราออกมาคนละฉบับกัน โจทก์ทั้งสามมีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าทดแทนที่ดินตามพระราชกฤษฎีกาแต่ละฉบับต่างกันจึงต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ของเงินค่าทดแทนที่ดินแต่ละครั้งที่ถูกเวนคืนที่โจทก์ทั้งสามฟ้องขอเพิ่มแยกต่างหากจากกันด้วย

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสามฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มจำนวน ๔๖๐,๖๗๐,๔๓๓.๔๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละ ๑๓ ต่อปี ของต้นเงินจำนวน ๒๓๔,๒๖๘,๙๓๓.๔๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสาม
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๑๖,๓๒๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ทั้งสาม พร้อมดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินของจำนวนเงิน ๑๓,๗๖๐,๐๐๐ บาท นับตั้งแต่วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๓๖ และของจำนวนเงิน ๒,๕๖๐,๐๐๐ บาท นับตั้งแต่วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๓๖ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสาม เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ทั้งสาม ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ ๕๐,๐๐๐ บาท คำขออื่นให้ยก
โจทก์ทั้งสามและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสาม ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าโจทก์ทั้งสามเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๗๗๐๔๘ และ ๓๑๑๘ ตำบลบางกะปิ อำเภอห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ซึ่งถูกเวนคืนอันเนื่องจากการดำเนินการตาม พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินฯ ซึ่งมีผลใช้บังคับวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๓๑ เพื่อสร้างทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ -บางโคล่ และสายพญาไท – ศรีนครินทร์ เป็นเนื้อที่ ๖๙๔ ตารางวา ต่อมาที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๗๗๐๔๘ ถูกเวนคืนอีก เนื้อที่ ๓๔๔ ตารางวา อันเนื่องจากการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินฯ ซึ่งมีผลใช้บังคับวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๓๓ เพื่อสร้างทางพิเศษสายรามอินทรา – อาจณรงค์ และถูกเวนคืนอีกเนื้อที่ ๖๔ ตารางวา อันเนื่องจากการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินฯ ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๓๕ เพื่อสร้างทางพิเศษ สายแจ้งวัฒนะ – บางโคล่ และสายพญาไท – ศรีนครินทร์ โจทก์ทั้งสามไม่พอใจเงินค่าทดแทนที่ดินทั้งสามครั้ง และฟ้องเรียกเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนทั้งสามครั้งมาในคำฟ้องฉบับเดียวกัน ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่าที่ดินของโจทก์ทั้งสามถูกเวนคืน ๓ ครั้ง แต่ละครั้งที่ถูกเวนคืนเนื่องจากการดำเนินการโดยอาศัยพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนซึ่งตราออกมาคนละฉบับกัน พระราชกฤษฎีกาแต่ละฉบับมีอายุบังคับใช้เพียงสี่ปีก็เป็นอันสิ้นผล โจทก์ทั้งสามจึงมีสิทธิจะได้รับเงินค่าทดแทนที่ดินตามพระราชกฤษฎีกาแต่ละฉบับต่างกัน ดังนั้น แม้โจทก์ทั้งสามจะฟ้องเรียกเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนทั้งสามครั้งมาในคำฟ้องฉบับเดียวกันได้ก็ตาม โจทก์ทั้งสามก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ของเงินค่าทดแทนที่ดินแต่ละครั้งที่ถูกเวนคืนที่โจทก์ทั้งสามฟ้องขอเพิ่มแยกต่างหากจากกันด้วย โจทก์ทั้งสามจะขอให้รวมเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนทั้งสามครั้งเข้าด้วยกันเพื่อเสียค่าขึ้นศาลให้น้อยลงไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้โจทก์ทั้งสามเสียค่าขึ้นศาลแยกตามทุนทรัพย์ของเงินค่าทดแทนที่ดินแต่ละครั้งที่ถูกเวนคืนที่โจทก์ทั้งสามฟ้องขอเพิ่มขึ้นนั้นชอบแล้ว ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ทั้งสามฟังไม่ขึ้น…
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share