แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า มีฝิ่นและกล้องสูปฝิ่นโดยมิได้รับอนุญาต อ้าง+ฐานมีฝิ่นอย่างเดียว มิได้อ้างบทฐานมีกล้องสูบฝิ่นด้วยอาจจะลงโทษจำเลยฐานมีกล้องสูบฝิ่นไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยังอาจมีฝิ่นหนัก ๑ กรัม ราคา ๒๔ สตางค์ กับมีกล้องสูบฝิ่น ๑ คันไว้โดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตาม-พระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ.๒๔๓๒ มาตรา ๕๓ กับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๔๘๑ มาตรา ๖
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติฝิ่น (ฉะบับที่ ๔) พ.ศ.๒๔๘๑ มาตรา ๖ ส่วนข้อหาฐานมีกล้องสูบฝิ่นโดยมิได้รับอนุญาต โจทก์ไม่ได้อ้างบทกฎหมายขอให้ลงโทษ จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๙๒ ประกอบด้วยมาตรา ๑๕๘(๖)
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องขอโจทก์ในฐานที่หาว่าจำเลยมีกล้องสูบฝิ่นโดยมิได้รับอนุญาต ขาดการอ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการเช่นนั้นเป็นความผิด จึงเป็นการฝ่าฝืนประมวลหาวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘ ข้อ ๖ ซึ่งบัญญติจำเป็นต้องอ้างบทกฎหมายที่กล่าวหานั้น เมื่อโจทก์ฟ้องขาดคุณลักษณะแต่ฟ้องเช่นนี้ จึงไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนข้อที่โจทก์กล่าวว่าโจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ศาลยังมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้มิใช่เป็นเรื่องอ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด แต่เป็นเรื่องที่มิได้อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราแห่งความผิด เมื่อเป็นเช่นนี้ศาลก็พิพากษาลงโทษจำเลยไม่ได้ เป้นการเกินคำขอ จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง