คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ อ้าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายลักษณอาญามาตรา 301 มาก็พอแล้ว โจทก์ไม่จำต้องอ้าง ม.301 มาด้วยศาลก็ลงโทษจำเลยได้เพียงแต่เจ้าพนักงานได้บอกแก่จำเลยว่าจำเลยได้ตกอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานและเจ้าพนักงานได้ควบคุมจำเลยตลอดมาดังนี้ถือได้ว่าจำเลยได้อยู่ในระหว่างคุมขังกันชอบด้วยกฎหมายตามที่บัญยัติไว้ในมาตรา 163 แล้ว

ย่อยาว

คดีนี้ได้ความว่าจำเลยสมคบกันปล้นทรัพย์นางเอง และเมื่อเจ้าพนักงานได้ติดตามไปพบตัวจำเลย แล้วได้แจ้งข้อหาให้จำเลยทราบ ทั้งได้แจ้งให้จำเลยทราบว่าจำเลยตกอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่แล้ว และเจ้าพนักงานก็ได้เดินตามจำเลยไปด้วย ระหว่างทางจำเลยหลบหนีไปโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณอาญา พ.ศ.๒๔๗๗ มาตรา ๗และกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๑๖๓,๑๒๘,๒๗และ๔๒
ศาลมณฑลทหารที่ ๔ พิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๐๑ แก้ไขโดย พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอาญา พ.ศ.๒๔๗๗ (ฉะบับที่ ๔)ม.๗. ส่วนในข้อหาฐานหลบหนีที่คุมขังนั้นเห็นว่าเพียงแต่เจ้าพนักงานกล่าวด้วยวาจาว่าให้จำเลยอยู่ในความควบคุมเท่านี้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยอยู่ในความควบคุมโดยชอบด้วยกฎหมายแม้จำเลยจะหลบหนียังไม่มีผิดจึงยกข้อหาฐานนี้เสีย
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ศาลทหารกลางพิพากษาแก้ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ม.๑๖๓ ด้วย
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำการปล้นทรัพย์และอ้างกฎหมายที่ได้แก้ไขเพียงพอแล้ว และในข้อหลบหนีจากที่คุมขังก็เห็นว่า การที่เจ้าพนักงานบอกแก่จำเลยว่าจำเลยตกอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน และเจ้าพนักงานก็ได้ควบคุมตามหลังจำเลยตลอดมาดังนี้ถือได้ว่าจำเลยอยู่ในระหว่างคุมขังได้ตามกฎหมายแล้ว จงพิพากษายืนตามศาลทหารกลาง

Share