แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรมการอำเภอไม่มีอำนาจประกาศเอาที่ซึ่งมีผู้ครอบครองอยู่เป็นที่สาธารณะประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน กรมการอำเภอสั่งให้จำเลยออกจากที่ซึ่งอ้างว่าเป็นที่สาธารณประโยชน์จำเลยไม่ยอมออกโดยปรากฎว่าไม่ใช่ที่สาธารณะประโยชน์ที่ราษฎรร่วมกันดังนี้ จำเลยไม่มีผิดฐานขัดขืนคำสั่ง คดีที่ฎีกาฉะเพาะข้อกฎหมายนั้น ถ้าศาลล่างฟังข้อเท็จจริงมาไม่พอแก่การวินิจฉัยคดี ศาลฎีกามีอำนาจฟังข้อเท็จจริงได้ตลอด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้บังอาจเข้าทำสวนยางและทำไร่ในที่ซึ่งกรมการอำเภอรัตตภูมิได้หวงห้ามเป็นที่สาธารณประโยชน์ เรียกว่าป่าดวนตอ ตำบลท่าชะมวง อันสงวนไว้เป็นของกลางให้ราษฎรใช้ไม้ด้วยกันมาตั้งแต่วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๔๗๑ ครั้นกรมการอำเภอรัตตภูมิมีคำสั่งเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๔๘๓ ให้จำเลยออกจากที่รายนี้ภายใน ๑๕ วัน จำเลยขัดขืนไม่ทำตามคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕ ข้อ ๒ พระราชบัญญัติปกครองท้องที่ ฯ มาตรา ๑๒๒
จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้ว่ามีกรรมสิทธิในที่มาช้านานแล้ว คำสั่งกรมการอำเภอที่สั่งให้จำเลยออกจากที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ปฏิบัติตามและตัดฟ้องว่าที่พิพาทมิได้มีประกาศหวงห้ามว่าเป็นที่สาธารณะโดยชอบด้วยกฎหมายทั้งโจทก์มิได้กล่าวในฟ้องว่าที่พิพาทได้มีประกาศหวงห้ามหรือไม่ ศาลไม่ควรรับพิจารณา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้เข้าครอบครองทำที่พิพาทภายหลังอำเภอประกาศหวงห้าม จำเลยขัดขืนไม่ยอมออกจากที่ตามคำสั่งของกรมการอำเภอ จึงผิดตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๔ ข้อ ๒ พิพากษาปรับจำเลยคนละ ๑๕ บาท
จำเลยฎีกาคัดค้านข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างกะประเด็นฟังข้อเท็จจริงเพียงว่า จำเลยเข้าครอบครองที่ภายหลังอำเภอประกาศชี้ขาดว่าจำเลยผิดฐานขัดคำสั่งอำเภอนั้นยังบกพร่อง ไม่พอจะวินิจฉัยคดีจึงต้องยกข้อเท็จจริงทั้งหมดขึ้นวินิจฉัย ซึ่งตามข้อเท็จจริงได้ความว่าที่พิพาทนี้จำเลยได้ปกครองทำมานาน ทางจังหวัดเคยสั่งให้อำเภอทำการสำรวจที่ดินตามหนังสือกระทรวงเกษตรซึ่งให้สำรวจที่ดินเป็นสาธารณะประโยชน์ซึ่งอยู่ในหน้าที่กรมการอำเภอรักษา นายอำเภอคนเก่าได้ทำประกาศให้ที่รายพิพาทนี้เป็นป่าไม้สาธารณะประโยชน์แต่ไม่ได้ปิดประกาศนั้นและได้ความว่าเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๖ มณฑลได้มีตราสั่งถอนที่รายนี้จากเป็นป่าสงวน เมื่อ ๕-๖ ปีมานี้นายอำเภอคนใหม่ได้เอาประกาศของอำเภอคนเก่าไปปิดในที่เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๓ กรมการอำเภอสั่งให้จำเลยออกจากที่รายนี้ จำเลยไม่ยอมออก ศาลฎีกาเห็นว่าที่รายนี้ไม่ใช่ที่สาธารณะประโยชน์และไม่ใช่ป่าสงวนไว้ใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์ อำเภอไม่มีอำนาจสั่งให้จำเลยออกจากที่รายนี้ได้ จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์