คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฝากเงินให้ช่วยเก็บรักษาไว้ ต่อมานานปีเศษขอเงินคืน แต่ผู้รับฝากคืนให้ไม่ได้โดยอ้างว่า ตัวเองและสามีได้เอาไปใช้จ่ายเสียหมดแล้ว ดังนี้ เป็นเรื่องที่จะว่ากล่าวกันทางแพ่ง ไม่เป็นผิดอาญาฐานยักยอก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ ๑๔ พ.ค. ๒๕๐๐ โจทก์ป่วยเป็นฝีที่คอ ได้มอบเงินจำนวน ๓,๐๐๐ บาท ให้จำเลยครอบครองเก็บรักษาไว้เมื่อโจทก์หายป่วยแล้วจะรับเอาคืน ครั้นโจทก์หายป่วยแล้วขอให้จำเลยคืนเงินเมื่อ ๖ ส.ค. ๒๕๐๑ จำเลยก็รับว่าจะคืนให้ แต่ต่อมาเมื่อ ๒๖ ส.ค.๒๕๐๑ จำเลยกลับว่าไม่สามารถจะคืนได้เพราะจำเลยและสามีได้เอาไปใช้จ่ายเสียหมดแล้ว โจทก์จึงทราบว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเงินรายนี้ระหว่างวันที่ ๑๔ พ.ค. ๒๕๐๐ ถึง ๒๖ ส.ค. ๒๕๐๑ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตามมาตรา ๓๕๒ ให้จำคุก ๒ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อพยานหลักฐานโจทก์ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์คำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่า ฟ้องโจทก์เป็นเรื่องโจทก์จำเลยฝากเงินกัน กรณีเช่นนี้จำเลยผู้รับฝากจะเอาเงินนั้นออกใช้อย่างไรก็ได้ เว้นแต่เวลาคืนจำเลยจำต้องคืนเงินให้ครบตามจำนวนเท่านั้น เมื่อจำเลยอ้างว่าจำเลยและสามีเอาไปใช้หมดแล้ว ก็เป็นเรื่องที่โจทก์จะเรียกร้องเอาแก่จำเลยในทางแพ่ง ฟ้องของโจทก์ไม่เป็นความผิดทางอาญาฐานยักยอก พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์

Share