คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกทางสาธารณ จำเลยให้การต่อสู้ว่าเป็นทางเข้านาของจำเลยและโจทก์จำเลยกับพยานแถลงรับกันว่า ผู้มีที่นาอยู่แถวนั้นต่างสละเนื้อที่นาและช่วยกันตัดเป็นทางขึ้นจึงอาจเป็นทางส่วนตัวซึ่งคนแถวนั้นทำขึ้นใช้ร่วมกันมิใช่ทางสาธารณก็ได้
คดีฟ้องหาว่าจำเลยขัดคำสั่งนายอำเภอผู้เป็นเจ้าพนักงานโดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งแล้วนั้นเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา ย่อมหมายความว่าจำเลยยังไม่ทราบคำสั่งของนายอำเภอ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยบุกรุกทางสาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยทำรั้วล้อมปิดทางมิให้คนเกวียนและสัตว์สัญจรไปมา นายอำเภอจตุรัสได้ออกคำสั่งห้ามมิให้จำเลยบุกรุกเข้าครอบครองและทำประโยชน์ดังกล่าว จำเลยทราบคำสั่งของนายอำเภอแล้วบังอาจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายอำเภอ โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 122

จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้ว่าทางพิพาทเป็นทางเข้านาของจำเลยอยู่ในที่ดินของจำเลย

จำเลยแถลงขอให้ศาลไปตรวจดูที่พิพาท ศาลได้ทำการรังวัดสอบเขตที่ดินของจำเลยและของนายภูแล้ว สอบถามข้อเท็จจริงบางประการจึงให้งดสืบพยานและพิพากษาว่าจำเลยมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ให้ปรับ 25 บาท

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกทางสาธารณ จำเลยให้การต่อสู้ว่าเป็นทางเข้านาของจำเลย และตามรายงานกระบวนพิจารณาโจทก์จำเลยและนายภูรับกันว่า ผู้มีที่นาอยู่แถวนั้นต่างสละเนื้อที่นาและช่วยกันตัดเป็นทางขึ้น จึงอาจเป็นทางส่วนตัวซึ่งคนแถวนั้นทำขึ้นเพื่อใช้ร่วมกัน มิใช่ทางสาธารณก็ได้

ข้อที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งของนายอำเภอแล้วนั้น จำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา ย่อมหมายความว่าจำเลยยังมิได้ทราบคำสั่งของนายอำเภอ

นอกจากนี้ตามรายงานกระบวนพิจารณาได้ความว่าผู้มีที่นาอยู่แถวนั้นต่างสละเนื้อที่นาและช่วยกันตัดเป็นทางกว้าง 6 เมตรเริ่มแต่นานายคำผ่านนาจำเลยและนายภูจนถึงนานายโพธิ์ และตัดเป็นเส้นตรงเป็นบรรทัดไป และศาลบันทึกว่าไม่อาจทราบได้ว่าทางนี้คดโค้งอย่างไรบ้าง ถ้าตรงเป็นเส้นบรรทัด ส่วนที่จะรุกล้ำก็คือทางที่นายภูกั้นรั้วอยู่ ซึ่งอาจเป็นว่าจำเลยมิได้รุกล้ำที่พิพาทก็ได้

พิพากษายืน

Share