แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับคดียึดเงินที่จำเลยวางเป็นประกันไว้ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 โดยผู้ว่าราชการจังหวัดมีสิทธิชนิดหนึ่งอันเข้าสิทธิอื่นๆ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 287 นั้น โจทก์จะยึดอันเป็นการบังคับเหนือเงินนี้ทีเดียวไม่ได้ ได้ก็แต่เพียงจะอายัดไว้เท่านั้น
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 36/2503
ย่อยาว
โจทก์ชนะคดีจำเลยและขอให้ศาลบังคับคดีโดยสั่งยึดเงิน ๓,๐๐๐ บาท ซึ่งจำเลยวางประกันไว้ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ส่งเงิน ๓,๐๐๐ บาท ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วทำคำร้องต่อศาลขอให้สั่งถอนการยึด เพราะเป็นเงินที่ผู้ร้องได้ยึดไว้ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๔๙๙ จนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง
ต่อมาโจทก์รับตามที่ผู้ร้องแถลงว่า การเลือกตั้งได้กระทำเสร็จแล้วปรากฎว่าจำเลยไม่ได้รับเลือกตั้งและได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ ๒๐ โดยเหตุนี้ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องว่า เงิน ๓,๐๐๐ บาท นี้ต้องตกเป็นของรัฐ ขอให้ถอนการยึดและคืนเงินนี้แก่ผู้ร้อง
โจทก์แถลงว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ถอนการยึด ผู้ร้องควรให้จำเลยวางเงินประกันเสียใหม่ให้ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พงศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๒๕ เงิน ๓,๐๐๐ บาท นี้เป็นเงินประกันจนกว่าจะเสร็จการเลือกตั้ง กรรมสิทธิ์ยังเป็นของจำเลย โจทก์จึงขอยึดก่อนการเลือกตั้งเสร็จลงได้ เมื่อยึดแล้วเงินนี้ก็ขาดจากการนั้นกลับตกเป็นของรัฐ จึงให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้ร้องมีอำนาจยึดเงินประกันไว้ตามกฎหมาย โจทก์จะยึดเงินรายนี้ในระหว่างที่ผู้ร้องมีสิทธิบังคับเหนือเงินรายนี้อยู่ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งฯ นั้นไม่ได้ เมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง เงินรายนี้ก็ตกเป็นของรัฐไปตามกฎหมาย นั้น พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ถอนการยึด คืนเงิน ๓,๐๐๐ บาทให้ผู้ร้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์ขอยึดเงินรายนี้ในระหว่างที่การเลือกตั้งยังไม่เสร็จ เป็นการขัดต่อสิทธิของผู้ร้องที่มีอยู่เหนือเงินนั้นในวันที่จะยึดเงินรายนี้ไว้ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๒๕ ถึงแม้ในระหว่างนั้นเงินรายนี้ยังเป็นเพียงเงินประกันการสมัครรับเลือกตั้ง โจทก์ยังบังคับคดีโดยให้ยึดเงินรายนี้มาไม่ได้ กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๗ โดยผู้ร้องมีสิทธิชนิดหนึ่งอันเข้าสิทธิอื่นๆ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา ๒๘๗ นั้น โจทก์จะยึดอันเป็นการบังคับเหนือเงินนี้ทีเดียวไม่ได้ ได้ก็แต่เพียงจะอายัดไว้ในกรณีที่ผู้ร้องมีหนี้จะต้องคืนเงินรายนี้แก่จำเลยเท่านั้น แต่ก็ปรากฎว่า เมื่อเสร็จการเลือกตั้งแล้ว จำเลยได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ ๒๐ ของผู้ที่มาลงคะแนน เงินรายนี้ต้องตกเป็นของรัฐไปตามมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติเพียงกันนี้อีก จำเลยไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินจำนวนนี้คืนจากผู้ร้อง ศาลฎีกาได้ประชุมใหญ่มีมติว่า โจทก์ขอให้ยึดเงินรายนี้มาไม่ได้ ศาลฎีกาพิพากษายืน