คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ซื้อทำสัญญาซื้อแป้งจากผู้ขายโดยวางมัดจำไว้บางส่วน ผู้ขายจึงได้วางมัดจำซื้อแป้งจากบุคคลภายนอก ต่อมาผู้ซื้อผิดสัญญาไม่ซื้อแป้งจากผู้ขาย ๆ ย่อมมีสิทธิริบมัดจำเสีย ทั้งยังเรียกร้องให้ผู้ซื้อใช้เงินทดแทนตามจำนวนที่ผู้ขายได้ถูกบุคคลภายนอกริบเงินมัดจำไปด้วยได้ โดยถือว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากพฤติการณ์พิเศษ ทั้งนี้ในเมื่อเป็นพฤติการณ์ที่ผู้ซื้อพึงคาดล่วงหน้าได้แล้ว
การที่ผู้ซื้อไม่ซื้อแป้งทำให้แป้งเสื่อมคุณภาพต้องขายไปในราคาถูกก็ดี การที่ผู้ขายต้องขาดกำไรที่จะพึงได้จากการขายแป้งก็ดี เหล่านี้เป็นค่าเสียหายตามปกติ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายแป้งมันสำปะหลัง ๒๐๐ ตันราคาหาบละ ๖๕ บาท โจทก์ชำระราคาให้ ๒๕% เป็นเงิน ๕๔,๑๖๖.๕๐ บาท เป็นมัดจำล่วงหน้าไปแล้วจำเลยไม่ส่งแป้งให้ตามกำหนดในสัญญา โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาขอคืนค่ามัดจำ จำเลยเพิกเฉยจึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้และฟ้องแย้งว่าการที่จำเลยไม่ส่งแป้งให้ตามกำหนดเพราะนายช่วงลิ้มคอมปะโดร์ท้วงโจทก์มาบอกขอให้งดส่งไว้ก่อน จำเลยติดต่อกับโจทก์เพื่อให้กำหนดวันส่งหลายครั้ง เพราะจำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายแป้งจากพ่อค้าต้องวางมัดจำไว้เป็นเงิน ๘๒,๔๙๖.๗๐ บาท จำเลยพร้อมที่จะส่งแป้งให้โจทก์แต่โจทก์กำหนดวันให้ จำเลยส่งไม่ได้ จำเลยเห็นว่าโจทก์จงใจไม่รับแป้งแน่ชัด จึงแจ้งกับโจทก์ว่าโจทก์ผิดสัญญาจำเลยริบเงินมัดจำหมดแล้ว การที่โจทก์ผิดสัญญานี้ทำให้จำเลยเสียหายคือ ๑.ถูกพ่อค้าริบมัดจำ ๘๒,๔๙๖.๗๐ บาท ๒.ต้องขายแป้งไปในลักษณะเสื่อมคุณภาพ เพราะเก็บไว้นานและราคาตก ขาดทุน ๒๘,๑๕๘.๓๐ บาท ๓.ขาดกำไรจากแป้ง ๒๐๐ ตัน อีก ๑๙,๙๙๙.๘๐ บาท จึงขอให้ยกฟ้องโจทก์และให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าจำเลยว่าเป็นฝ่ายผิดสัญญา การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาซึ่งเป็นหนังสือต้องผูกพันทำเป็นหนังสือ ฉนั้นจึงไม่ยกฟ้องโจทก์ ค่าเสียหายในฟ้องแย้งไม่เป็นความจริง และโจทก์ไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยริบมัดจำได้ ส่วนค่าเสียหาย ข้อ ๒,๓ นั้นควรเกลื่อนกลืนไปกับเงินมัดจำ แต่เงินมัดจำที่จำเลยถูกผู้อื่นริบนั้นโจทก์ควรใช้ให้ จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายให้ จำเลย ๘๒,๔๙๖.๗๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
๑. จำเลยนำสืบในข้อที่ว่านายช่วงลิ้มได้บอกงดส่งแป้งกับจำเลยได้ แม้เหตุที่สั่งงดที่จำเลยสืบจะไม่ตรงตามที่จำเลยกล่าวอ้าง ก็ไม่ขัดกับ วิ.แพ่ง ม.๘๗
๒. การที่จำเลยนำสืบพยานบุคคลว่านายช่วงลิ้มได้บอกงดส่งแป้งนั้นไม่ใช่เป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาซื้อขายแป้ง
๓. การที่นายเบอร์ฮาโคร์ผู้แทนโจทก์ก็โดยชอบบอกให้นายช่วงลิ้มบอกจำเลยงดส่งแป้งรายนี้นั้น โจทก์จะปัดความรับผิดเสียไม่ได้
๔. การเรียกร้องค่าเสียหายนั้นจำเลยมีสิทธิเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษนอกเหนือจากริบมัดจำได้ ตามป.พ.พ. ม.๒๒๒ เพราะศาลล่างถือว่ามัดจำที่จำเลยริบนั้นเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายตามปกติ ส่วนเงินจำนวน ๘๒,๔๙๖.๗๐ บาทนั้นเป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษอันเป็นที่พึงคาดเห็นล่วงหน้าอยู่แก่โจทก์แล้ว โจทก์จะเถียงว่าเมื่อริบมัดจำแล้วจะเรียกเอาค่าเสียหายอีกไม่ได้นั้นหาถูกไม่
ศาลฎีกาพิพากษายืน.

Share