คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานตำรวจพบเห็นการกระทำความผิดซึ่งหน้า เมื่อเข้าจับกุมผู้กระทำความผิดต่อสู้ขัดขวาง กรณีเช่นนี้เจ้าพนักงานตำรวจมีอำนาจจับกุมโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งแก่ผู้ที่จะถูกจับว่าเขาต้องถูกจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 วรรคแรก

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ ศาลล่างพิจารณาพิพากษารวมกัน สำนวนแรกโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่านายเล็ก สืบกระพันธ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ ส่วนสำนวนหลังขอให้ลงโทษฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนโดยไม่รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา ๗, ๗๒ และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๔) มาตรา ๓ ฐานพยายามฆ่าและต่อสู้ขัดขวางสิบตำรวจโทรินยา จินาชาญ เจ้าพนักงนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๑๔๐, ๒๘๙, ๘๐
จำเลยรับสารภาพเฉพาะข้อหามีอาวุธปืนและกระสุนปืนโดยไม่รับอนุญาตข้อหานอกนั้นปฏิเสธและต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพาทษาลงโทษจำเลยเฉพาะฐานมีอาวุธปืนฯ จำคุก ๖ เดือน ข้อหาอื่นยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย และไม่มีเจตนาฆ่าเจ้าพนักงาน แต่ฟังว่าจำเลยได้กระทำการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมจำเลยพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๐ วรรคแรก ให้จำคุก (สำหรับข้อหานี้) ๓ เดือน นอกนั้นยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า นายเล็กเมาสุราโต้เถียงกับจำเลยในร้านขายอาหาร / สิบตำรวจโทรินยาเดินตรวจผ่านมาพบเข้าจึงเข้าไปในร้าน นายเล็กใช้เก้าอี้ทุ่มถูกศีรษะจำเลย จำเลยชักปืนออกมายิง ๒ นัด สิบตำรวจโทรินยาเข้าไปจับข้อมือจำเลยเพื่อแย่งปืนและจับกุม จำเลยไม่ยอมเกิดกอดปล้ำกันขึ้น ต่างล้มลงไปที่พื้น ปืนในมือจำเลยลั่นขึ้น ๒ นัด มีคนอื่นเข้าช่วยจับ ผลที่สุดสิบตำรวจโทรินยาจับจำเลยได้พร้อมปืน จำเลยรู้จักกับสิบตำรวจโทรินยามาก่อน วันเกิดเหตุสิบตำรวจโทรินยาแต่งเครื่องแบบ จำเลยทราบดีว่าผู้จับกุมจำเลยคือเจ้าพนักงานตำรวจ ส่วนที่จำเลยฎีกาเป็นข้อกฎหมายว่าสิบตำรวจโทรินยาไม่แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอจับกุมจำเลยก่อน ถือไม่ได้ว่าเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่นั้น เห็นว่าสิบตำรวจโทรินยาพบเห็นการกระทำกรณีเป็นความผิดซึ่งหน้า และเมื่อเข้าจับกุมจำเลยได้ต่อสู้ขัดขวาง ไม่ตกอยู่ในบังคับที่จะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๓ วรรคแรกสิบตำรวจโทรินยามีอำนาจจับกุมโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งจำเลยว่าจะต้องถูกจับจะถือว่าการจับกุมของสิบตำรวจโทรินยาไม่เป็นการปฏิบ้ติตามหน้าที่ดังข้อฎีกาของจำเลยหาได้ไม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยข้อหานี้ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายน

Share