แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มารดาของผู้เยาว์ ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ ย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์จากบิดาของผู้เยาว์ได้ ไม่เป็นอุทลุมเพราะฟ้องในฐานะส่วนตัวของตยเอง ไม่มช่ฟ้องในนามของเด็กหรือในฐานะเป็นผู้แทนเด็ก
ภริยาฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรจากสามี ซึ่งหย่ากันแล้วนั้น สามีจะอ้างอายุความตามมาตรา 165(12)มาตัดฟ้องไม่ได้ เพราะเป็นกรณีที่บุตรอยู่กับมารดาในฐานะเป็นมารดาและเป็นใช้อำนาจปกครอง กรณีไม่ต้องตามมาตรา 165(12) และมาตรา 166
ตามมาตรา 1594 ป.ม.แพ่งฯ ระบุว่าบุคคลผู้มีสิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดู ต้องเป็นผู้ไร้ทรัพย์สิน และมิสามารถเลี้ยงตนเองได้ และแม้ในเรื่องบิดามารดามีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาบุตร ดังที่ระบุไว้ในมาตรา 1536 ในการรับผิดออกค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษา ก็ต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติว่าด้วยค่าอุปการะเลี้ยงดูตามมาตรา 1594 ด้วย ฉะนั้นถ้าบุตรมีทรัพย์สินซึ่งมีราคามาก อาจหารายได้เป็นาจำนวนท่วมล้นค่าเลี้ยงดูและค่าศึกษาแล้ว บิดาก็ไม่ต้องรับผิดในค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาของบุตรนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเคยเป็นสามีภริยากัน มีบุตร ๒ คนคือ ด.ญ.ศิริมา และ ด.ญ.วลัย ต่อมาโจทก์ฟ้องหย่ากับจำเลย และศาลพิพากษาให้หย่าขาดจากกัน และให้บุตรอยู่ในความปกครองของโจทก์ จำเลยไม่ส่งเสียค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยจ่ายค่าเลี้ยงดูให้บุตร ฯลฯ
จำเลยให้การต่อสู้หลายประการและฟ้องแย้งเรียกบุตรคืน
ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเลี้ยงดูยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์, ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ โจทก์มิได้ฟ้องในนามของบุตรหรือในฐานะเป็นผู้แทนบุตร แต่ได้ฟ้องในฐานะที่โจทก์เป็นมารดาและเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง เพื่อที่จะให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรร่วมกับโจทก์ นัยหนึ่งโจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัวโจทก์เอง จึงไม่เป็นอุทลุมตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๕๓๔
เรื่องอายุความ ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีไม่เข้าในอายุความตามมาตรา ๑๖๕(๑๒) เพราะคดีนี้เป็นเรื่องบุตรอยู่กับโจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นมารดาและเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง และกรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติในมาตรา ๑๖๖
สำหรับ ด.ญ.ศิริมานั้นปรากฎว่า มีทรัพย์ซึ่งมีราคามาก และเป็นทรัพย์ที่อาจหารายได้เป็นจำนวนท่วมล้นค่าเลี้ยงดูและค่าศึกษาแล้ว จำเลยย่อมไม่มีหน้าที่จะต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดู และการศึกษาให้อีกเพราะตามมาตรา ๑๕๙๔ ระบุว่าบุคคลผู้มีสิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูต้องเป็นผู้ไร้ทรัพย์สิน และมิสามารถเลี้ยงดูตนเองได้ แม้บิดาจะมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดู และให้การศึกษาแก่บุตรดังที่ระบุไว้ในมาตรา ๑๕๓๖ ในการรับผิดออกค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาก็ต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติว่าด้วยการอุปการะเลี้ยงดูตามมาตรา ๑๕๙๔ ด้วย ฉะนั้นี่ศาลล่างให้จำเลยรับผิดในค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาของเด็กหญิงศิริมาด้วย จึงไม่เห็นฟ้องด้วย ฯลฯ
พิพากษาแก้ ให้จำเลยรับผิดค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษา เฉพาะสำหรับ ด.ญ.วลัย ฯลฯ