คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ใบอนุญาตให้นำกระบือเข้ามาตรวจ (เข้ามาในราชอาณาจักร) นั้นหาเกี่ยวข้องกับเรื่องภาษีศุลกากรไม่ เมื่อจำเลยนำเข้ามาโดยไม่เสียภาษีก็ต้องมีความผิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำกระบือเข้ามาโดยมิได้ผ่านด่านและเสียภาษีศุลกากรในการพิจารณาจำเลยรับว่าได้พากระบือเข้ามาในราชอาณาจักรทางด่านคลองใหญ่โดยมิได้ผ่านด่านและเสียภาษีที่ด่านคลองใหญ่ ดังนี้ก็เป็นอันชัดแจ้งว่า ข้อเท็จจริงตามที่ได้ความในการพิจารณาตรงกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ความข้อนี้จึงเป็นอันยุติ ไม่ต้องพิจารณาถึงข้อที่ว่าจำเลยพากระบือเข้ามาโดยทางใดตำบลใดอีกเลย ฉะนั้นจะยกเอาเหตุที่ว่าทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยพากระบือเข้ามาทางด่านคลองใหญ่ ไม่ใช่ทางบ้านท่าเลื่อน (ดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง) ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจึงต่างกับฟ้องไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๒๔ มี.ค. ๙๖ จำเลยสมคบกันนำกระบือ ๑๐ ตัวจากประเทศอินโดจีนเข้ามาในราชอาณาจักรไทยทางบ้านท่าเลื่อน ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด โดยหลีกเลี่ยงไม่ผ่านด่านศุลกากรและไม่เสียภาษีศุลกากร เหตุเกิดที่ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด ขอให้ลงโทษ
จำเลยที ๑ ต่อสู้ว่าสัตวแพทย์จังหวัดตราดได้ออกใบอนุญาตให้จำเลยนำกระบือรายนี้ตรงไปรับการตรวจรับรองวาไม่มีโรคแล้วจึงจะได้นำไปเสียภาษี จำเลยจำต้องปฏิบัติตามคำสั่งสัตวแพทย์ จำเลยไม่มีเจตนาหลบหนีภาษี
จำเลยที่ ๒-๓ ต่อสู้ว่ารับจ้างจำเลยที่ ๑ ไม่ได้สมคบ
ศาลจังหวัดตราดเห็นว่าเมื่อจำเลยนำกระบือเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้เสียภาษีก็ต้องมีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร โดยไม่มีข้อยกเว้น ส่วนใบอนุญาตที่ให้จำเลยนำกระบือไปให้สัตวแพทย์ตรวจไม่ช่วยให้จำเลยพ้นความผิด
แต่ศาลจังหวัดตราดเห็นว่าการกระทำของจำเลยเกิดที่ตำบลคลองใหญ่ กิ่งอำเภอคลองใหญ่ โจทก์ฟ้องว่าเหตุเกิดที่ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้อง แต่กระบือของกลางให้ริบตาม พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๔๘๒ ม.๑๗
โจทก์และจำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยทั้ง ๓ ปี ความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ ม.๒๗ ซึ่งต้องระวางโทษตาม พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ.๒๔๙๐ ม.๓ ให้ปรับจำเลยทั้งสาม ๔ เท่าราคากระบือ ฯลฯ
แต่ผู้พิพากษานายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่าคดีต้องยกฟ้องโดยข้อเท็จจริงเรื่องสถานที่เกิดเหตุที่ได้ความในทางพิจารณาต่างกับที่โจทก์กล่าวในฟ้อง
จำเลยที่ ๑-๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ตามฟ้องของโจทก์มีข้อหาเป็นข้อความสำคัญว่าจำเลยพากระบือของกลางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้ผ่านด่านและมิได้เสียค่าภาษีศุลกากร ในการพิจารณาจำเลยก็รับอยู่ว่าจำเลยได้พากระบือของกลางเข้ามาในราชอาณาจักรทางด่านคลองใหญ่ โดยมิได้ผ่านด่านและมิได้เสียค่าภาษีศุลกากรที่ด่านคลองใหญ่ ดังนี้ก็เป็นอันชัดแจ้งว่า ข้อเท็จจริงตามที่ได้ความในการพิจารณาตรงกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ความข้อนี้จึงเป็นอันยุติ ไม่ต้องพิจารณาถึงข้อที่ว่าจำเลยพากระบือเข้ามาโดยทางตำบลใดอีกเลย ฉะนั้นจะยกเอาเหตุที่ว่าทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยพากระบือเข้ามาทางด่านคลองใหญ่ไม่ใช่ทางบ้านท่าเลื่อน ดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ต้องยกฟ้องตาม ป.วิ.อาญา ม.๑๙๒ วรรค ๒ ไม่ได้
ส่วนใบอนุญาตให้จำเลยนำกระบือเข้ามาตรวจนั้นหาเกี่ยวข้องเรื่องภาษีศุลกากรไม่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาชอบแล้ว เว้นแต่ในเรื่องจำคุกแทนค่าปรับ
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะกำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยแทนค่าปรับให้เป็นคนละ ๔ เดือน ถ้าจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามความในมาตรา ๒๙,๓๐ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ฯลฯ ความอื่นนอกจากที่แก้คงยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share