คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1419/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อต่อสู้ของผู้ค้ำประกันที่ว่าโจทก์ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้ลูกหนี้, ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดในหนี้สินรายที่ค้ำประกันนั้นเป็นข้อที่เกี่ยวแก่ประโยชน์ระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 2 เท่านั้น หาได้เกี่ยวแก่ประชาชนแต่ประการใดไม่ เมื่อผู้ค้ำประกันมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นจึงไม่วินิจฉัยให้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินกู้และดอกเบี้ยหากจำเลยที่ ๑ ไม่สามารถชำระได้ ก็ให้จำเลยที่ ๒ ผู้ค้ำประกันชำระแทน
แรกจำเลยที่ ๑ รับว่ากู้ไปจริง ภายหลังขอแก้คำให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กู้ ไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๒ รับว่าเป็นผู้ค้ำประกัน แต่ต่อสู้ว่าโจทก์ฟ้องโดยไม่บออกกล่าวให้จำเลยที่ ๒ รู้ก่อน และจำเลยที่ ๑ ยังสามารถชำระหนี้ให้โจทก์ได้ จำเลยที่ ๒ ไม่ควรต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระต้นเงินและดอกเบี้ย ฯลฯ ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่สามารถชำระได้ก็ให้จำเลยที่ ๒ ชำระแทน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ไปตามฟ้อง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ว่าโจทก์ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ จึงหลุดพ้นจากความผิด
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาของจำเลยที่ว่าจำเลยที่ ๒ จะหลุดพ้นจากความผิดในฐานะผู้ค้ำประกัน เป็นปัญหาข้อ ก.ม.ที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยที่ ๒ จะไม่ได้ต่อสู้ไว้ ศาลอุทธรณ์ก็มีสิทธิที่จะยกขึ้นวินิจฉัยได้นั้นไม่เห็นพ้องด้วย เพราะปัญหาที่จำเลยที่ ๒ ฎีกามานั้น เห็นได้โดยแจ้งชัดว่าเกี่ยวแก่ประโยชน์ระหว่างโจทก์และจำเลยที่ ๒ เท่านั้น หาได้เกี่ยวแก่ประชาชนแต่ประการใดไม่ เมื่อจำเลยที่ ๒ ไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์จึงไม่วินิจฉัยให้ชอบแล้ว พิพากษายืน.

Share