คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บทบัญญัติ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 เดิมถูกยกเลิกไปแล้วโดยพระราชบัญญัติให้ใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 มาตรา 3 ขณะฟ้อง คดีนี้เป็นเวลาที่ใช้บรรพ 5 ที่ตรวจชำระใหม่ การเรียกค่าเลี้ยงชีพต้องบังคับตามบทบัญญัติบรรพ 5 ที่ตรวจชำระใหม่ มาตรา 1526 ซึ่งจะเรียกได้ก็ต่อเมื่อมีคดีหย่าและจะต้องฟ้องหรือฟ้องแย้งเรียกมาในคดีหย่านั้น และศาลจะสั่งให้ได้ก็ต่อเมื่อโจทก์จำเลยได้ตกลงหย่ากันเองและจดทะเบียนหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย โดยไม่มีคดีฟ้องหย่าต่อศาล จึงไม่มีกรณีที่จะถือได้ว่าเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของฝ่ายใด เมื่อมิได้ตกลงกันไว้ในเรื่องค่าเลี้ยงชีพ ย่อมไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะมาเรียกค่าเลี้ยงชีพจากกันภายหลังหย่ากันแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยได้จดทะเบียนสมรสเป็นสามีภริยากันเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๘ และได้ตกลงจดทะเบียนหย่ากันเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๙ หลังจากหย่าจากจำเลยแล้วโจทก์ยากจนลง จึงฟ้องขอให้จำเลยจ่ายค่าเลี้ยงชีพแก่โจทก์เดือนละ ๑,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเลี้ยงชีพ จำเลยเองก็เป็นคนยากจน มีบุตรที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูถึง ๔ คน เงินเดือนที่จำเลยได้รับอยู่ก็ไม่พอเลี้ยงชีพอยู่แล้ว โจทก์มีฐานะดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูเดือนละ ๘๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ขณะฟ้อง คดีนี้เป็นเวลาที่ใช้บรรพ ๕ แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ตรวจชำระใหม่มีผลใช้บังคับแล้ว มาตรา ๓ แห่ง พระราชบัญญัติให้ใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. ๒๕๑๙ ให้ยกเลิกบทบัญญัติ ๕ เดิม และให้ใช้บทบัญญัติบรรพ ๕ ใหม่นี้แทน เว้นแต่ในกรณีที่พระราชบัญญัติยกเว้นเป็นอย่างอื่น ซึ่งก็ไม่ปรากฏว่ามีบทบัญญัติยกเว้นไว้ในเรื่องนี้ ฉะนั้น การวินิจฉัยปัญหาค่าเลี้ยงชีพจึงต้องอาศัย มาตรา ๑๕๒๖ ที่ตรวจชำระใหม่ ซึ่งให้เรียกได้ต่อเมื่อมีคดีหย่า และถ้าเหตุแห่งการหย่านั้นเป็นความผิดของคู่สมรส ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแต่ฝ่ายเดียว และการหย่านั้นหาให้อีกฝ่ายหนึ่งยกจนลง และสิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพนั้นกฎหมายมาตราดังกล่าวบัญญัติให้เป็นที่สุดถ้ามิได้ฟ้องหรือฟ้องแย้งในคดีหย่านั้น
ข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏว่า โจทก์จำเลยได้ตกลงหย่ากันเองและจดจดทะเบียนหย่ากันด้วยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย โดยไม่มีคดีฟ้องหย่าต่อศาล จึงไม่มีกรณีที่จะถือได้ว่าเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของฝ่ายใด การที่โจทก์จำเลยทำสัญญาหย่ากันเองนั้น แต่ละฝ่ายย่อมตั้งรู้ดีว่าหลังจากหย่าแล้วตนจะต้องเป็นที่พึ่งตนเอง คู่สมรสชอบที่จะทำความตกลงในเรื่องค่าเลี้ยงชีพไว้ เพื่อให้มีผลบังคับในรูปสัญญาประนีประนอมยอมความในการหย่า หากไม่ได้ทำความตกลงกันไว้ก็ย่อมไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะมาเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพจากอีกฝ่ายหนึ่งหลังจากหย่าแล้วได้ ศาลฎีกาได้พิเคราะห์สัญญาหย่าระหว่างโจทก์จำเลยแล้วแต่ไม่ปรากฏว่ามี
ที่โจทก์ฎีกาว่าเคยฟ้องแย้งเรียกค่าเลี้ยงชีพในคดีที่จำเลยฟ้องขอแบ่งทรัพย์ระหว่างสามีภริยาจากโจทก์ แต่ศาลแพ่งไม่รับฟ้องแย้งจึงได้มาฟ้องเป็นคดีนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วมาตรา ๑๕๒๖ ดังกล่าวบัญญัติไว้ชัดว่าการฟ้องหรือฟ้องแย้งในคดีแบ่งทรัพย์สิน ไม่เข้ามาตรา ๑๕๒๖ สิทธิของโจทก์เป็นอันสิ้นสุดไปพร้อมกับการหย่า ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share