แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกพากันไปท้าทายผู้มีชื่อผู้หนึ่ง ผู้เสียหายซึ่งเป็นคนไม่มีสาเหตุกันเข้ามาห้าม จำเลยได้ชกผู้เสียหายไปหนึ่งทีเพราะความเมา พวกจำเลยคนหนึ่งได้ใช้สนับมือชกผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัสจำเลยไม่ได้ซ้ำเติมอีก กรณีเป็นเรื่องต่างคนต่างทำ ไม่ใช้เรื่องสมคบกัน จะลงโทษจำเลยฐานสมคบกับพวกทำร้ายร่างกายสาหัสไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกับพวกทำร้ายร่างกายนายไฝ มูลแก้ว มีบาดแผลสาหัส ขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่าพวกจำเลยได้ชกผู้เสียหายด้วยสนับมือถูกที่ตาซ้ายพิการตลอดชีวิตเป็นบาดแผลสาหัส พิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฏหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๕๖,๖๓ จำคุก ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยชกผู้เสียหายเพียง ๑ ที ไม่ใช่เป็นการสมคบกันกับพวกจำเลย ควรรับผลของการกระทำของตนเท่านั้น คือฐานทำร้ายร่างกายไม่ถึงบาดเจ็บ พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดกฏหมายลักษณะอาญา ม.๓๓๘(๓) จำคุก ๑ เดือน
โจทก์ฏีกา
ศาลฏีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเมาสุรายกพวกไปท้าทายผู้มีชื่อผู้หนึ่ง ผู้เสียหายลงมาห้าม จำเลยได้ต่อยผู้เสียหาย ๑ ที แล้วพวกจำเลยอีกคนได้โดดเข้าต่อยผู้เสียหายด้วยสนับมือ จำเลยไม่มีสาเหตุกับผู้เสียหายมาก่อน ทำร้ายไปโดยเมาสุรา และมิได้เข้าช่วยพวกจำเลยซ้ำเติมอีก จึงไม่ใช่เรื่องสมคบกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ศาลฏีกาจึงพิพากษายืน