คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9992/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ส. นำน้ำมันดีเซลที่ลักไปขายให้แก่จำเลยรวม 5 ครั้ง แม้จะเป็นการรับซื้อทรัพย์อย่างเดียวกันของผู้เสียหายคนเดียวกัน แต่ก็เป็นการรับซื้อคนละวันเวลาต่างวาระกัน แสดงว่าจำเลยมีเจตนาแยกการกระทำผิดแต่ละคราวออกจากกัน แล้วแต่ ส. จะนำน้ำมันดีเซลไปขายเมื่อใดก็จะรับซื้อไว้ จึงเป็นการกระทำผิดฐานรับของโจรหลายกรรมต่างกันรวม 5 กระทง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 357 และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 21,600 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคสอง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 5 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุก 5 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 21,600 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคหนึ่ง กระทงเดียว ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และคุมความประพฤติของจำเลยไว้ โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ต่อครั้งเป็นเวลา 1 ปี กับให้จำเลยทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรมีกำหนด 12 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 1,800 บาท แก่ผู้เสียหาย
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรหลายกรรมต่างกันรวม 5 กระทง ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือกระทำความผิดเพียงกรรมเดียวตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 โจทก์มีนายเสาร์ และนายบุญหน่อยเป็นพยานเบิกความว่า ทั้งสองคนร่วมกันลักน้ำมันดีเซลของผู้เสียหายหลายครั้ง นายบุญหน่อยเบิกความระบุจำนวน 15 ครั้ง และโจทก์มีบันทึกคำให้การของคนทั้งสองในชั้นสอบสวนเป็นหลักฐานสนับสนุนคำเบิกความดังกล่าว โดยในชั้นสอบสวนนายเสาร์และนายบุญหน่อยให้การตรงกันว่าร่วมกันลักน้ำมันของผู้เสียหายรวมกว่า 10 ครั้ง ครั้งละประมาณ 100 ลิตร แล้วนายเสาร์นำน้ำมันที่ลักไปขายแก่จำเลยและนายบุญเลิศ สลับกันคนละ 5 ครั้ง ถึง 6 ครั้ง ในชั้นพิจารณานายเสาร์เบิกความว่านายเสาร์นำน้ำมันที่ลักไปขายให้แก่จำเลยประมาณ 5 ครั้ง ห่างกันประมาณ 3 วัน ถึง 4 วัน ต่อครั้งนายบุญหน่อยจะขับรถจักรยานยนต์ตามไปดูและรับเงินส่วนแบ่ง ในขณะที่นายบุญหน่อยเบิกความว่าได้รับส่วนแบ่งจากนายเสาร์ประมาณ 15 ครั้ง ทราบว่านายเสาร์นำน้ำมันไปขายให้แก่จำเลย 3 ครั้ง เพราะนายบุญหน่อยตามไปดูและรับเงินส่วนแบ่ง 3 ครั้ง ครั้งหนึ่งนายบุญหน่อยนั่งรถน้ำมันไปกับนายเสาร์ ส่วนอีกสองครั้งขับรถจักรยานยนต์ตามไป ตามคำเบิกความและคำให้การในชั้นสอบสวนของนายเสาร์และนายบุญหน่อยสรุปความได้ว่าคนทั้งสองร่วมกันลักเอาน้ำมันดีเซลของผู้เสียหายรวม 10 กว่าครั้ง ครั้งละประมาณ 100 ลิตร โดยเว้น 3 วัน ถึง 4 วัน ก็ทำครั้งหนึ่งแล้วนายเสาร์นำน้ำมันดีเซลที่ลักไปขายในวันเดียวกันนั้น โดยขายให้แก่จำเลยและนายบุญเลิศ สลับกันรายละ 5 ครั้ง ถึง 6 ครั้ง ที่นายบุญหน่อยเบิกความว่ารู้ว่านายเสาร์ขายน้ำมันดีเซลให้แก่จำเลย 3 ครั้ง เพราะนายบุญหน่อยตามไปรับเงินส่วนแบ่งด้วยหาได้เป็นการยืนยันว่าจำเลยซื้อน้ำมันดีเซลเพียง 3 ครั้ง แตกต่างไปจากคำเบิกความของนายเสาร์ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยไม่ เพียงแต่ในคราวอื่น ๆ นายบุญหน่อยไม่ได้ร่วมทางไปกับนายเสาร์ด้วยเท่านั้น ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่านายเสาร์นำน้ำมันดีเซลที่ลักไปขายให้แก่จำเลยรวม 5 ครั้ง แม้จะเป็นการรับซื้อทรัพย์อย่างเดียวกันของผู้เสียหายคนเดียวกัน แต่ก็เป็นการรับซื้อคนละวันเวลาต่างวาระกัน แสดงว่าจำเลยมีเจตนาแยกการกระทำความผิดแต่ละคราวออกจากกันแล้วแต่นายเสาร์จะนำน้ำมันดีเซลไปขายให้เมื่อใด ก็จะรับซื้อไว้จึงเป็นการกระทำความผิดฐานรับของโจรหลายกรรมต่างกันรวม 5 กระทง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรเพียงกรรมเดียวนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น…
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคหนึ่ง รวม 5 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุก 5 ปี แต่ให้จำเลยคืนน้ำมันดีเซลที่รับซื้อไว้จำนวน 500 ลิตร หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา 9,000 บาท แก่ผู้เสียหาย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก.

Share