คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระครูน.ผู้มรณภาพมีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารรวม 2 บัญชีบัญชีแรกเป็นมูลนิธิวัดต.ของวัดโจทก์ ผู้มีสิทธิถอนเงินได้แก่ผู้มรณภาพร่วมกับกรรมการวัดอีก 2 คน ส่วนอีกบัญชีฝากในนามส่วนตัวผู้มรณภาพเป็นผู้ลงนามถอนเงินได้เอง เงินที่ยกให้นี้ถอนจากบัญชีเงินฝากส่วนตัว เมื่อเป็นเงินส่วนตัวของผู้มรณภาพผู้มรณภาพย่อมจะยกให้แก่ผู้ใดก็ได้ เมื่อพระครูน.ผู้มรณภาพได้ยกเงินจำนวนตามฟ้องให้แก่จำเลยโดยเสน่หา กรรมสิทธิ์ในเงินย่อมตกเป็นของจำเลยนับแต่วันรับการยกให้ เงินจำนวนนี้ไม่ใช่ของผู้มรณภาพอีกต่อไปจึงไม่เป็นมรดกตกแก่โจทก์ซึ่งเป็นวัดในพระพุทธศาสนาแม้จำเลยจะมิได้ออกเงินช่วยค่าพยาบาลรักษาผู้มรณภาพ โจทก์ก็ฟ้องเรียกเงินคืนไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นวัดในพระพุทธศาสนาพระครูนิมิตกิตติวรรณ รักษาการแทนเจ้าอาวาส เดิมมีพระครูนภาเขตคณารักษ์ เป็นเจ้าอาวาสและถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2535 มีทรัพย์สินเป็นเงินฝากที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาตาคลี ประมาณ 1,500,000 บาทเป็นทรัพย์ซึ่งได้มาในระหว่างเป็นพระภิกษุ เมื่อเดือนตุลาคม 2534จำเลยซึ่งดูแลปรนนิบัติพระครูนภาเขตคณารักษ์ในระหว่างเจ็บป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลพร้อมมิตร ได้ใช้อุบายหลอกลวงให้ถอนย้ายเงินจากบัญชีของพระครูนภาเขตคณะรักษ์ให้ไปฝากไว้ในนามของจำเลยที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาตาคลี เพื่อสะดวกในการที่จะเบิกจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลแต่จำเลยไม่ยอมเบิกเงินดังกล่าวไปใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล คงใช้เงินของโจทก์ตลอดมา เงินดังกล่าวยังเป็นของพระครูนภาเขตคณารักษ์ เมื่อมรณภาพจึงตกเป็นสมบัติของโจทก์ตามกฎหมาย โจทก์ติดตามทวงถามขอเงินคืนแล้วจำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบเงินตามบัญชีเงินฝากประจำที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัดสาขาตาคลี คืนให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า พระครูนภาเขตคณารักษ์ได้โอนเงินฝากประจำจำนวน 1,500,000 บาท ตามบัญชีเงินฝากประจำเลขที่ 3051-8 มาฝากใหม่ให้เป็นของจำเลยโดยเสน่หา เพื่อเป็นการตอบแทนที่จำเลยได้ช่วยเหลือปรนนิบัติพระครูนภาเขตคณารักษ์มานานนับสิบปีเงินดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายไม่เป็นสมบัติของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2534 พระครูนภาเขตคณารักษ์ได้ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากประจำเลขที่ 192-2-03051-8 ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด สาขาตาคลี จำนวนเงิน 1,657,222.73 บาท มอบให้แก่จำเลย จำเลยนำไปฝากในบัญชีเงินฝากประจำเลขที่092-2-03471-5 จำนวน 1,500,000 บาท ซึ่งเป็นชื่อของจำเลยเองประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์เรียกเงินจำนวนนี้คืนจากจำเลยได้หรือไม่ เห็นว่า ผู้มรณภาพมีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาตาคลี รวม 2 บัญชีบัญชีแรกเป็นมูลนิธิวัดตากฟ้า ผู้มีสิทธิถอนเงินได้แก่ผู้มรณภาพร่วมกับกรรมการวัดอีก 2 คน ส่วนอีกบัญชีฝากในนามส่วนตัวผู้มรณภาพเป็นผู้ลงนามถอนเงินได้เอง เงินที่ยกให้นี้ถอนจากบัญชีเงินฝากส่วนตัว เมื่อเป็นเงินส่วนตัวของผู้มรณภาพ ผู้มรณภาพย่อมจะยกให้แก่ผู้ใดก็ได้ ที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวงให้ผู้มรณภาพถอนเงินออกจากบัญชีแล้วโอนเข้าบัญชีของจำเลยนั้นก็ได้ความจากนายอาคม ผู้จัดการมรดกที่รับฝากเงินว่าได้ไปสอบถามผู้มรณภาพที่โรงพยาบาลผู้มรณภาพบอกว่ามอบให้จำเลยเป็นผู้มีอำนาจเบิกจ่ายเงิน พยานจึงให้ผู้มรณภาพพิมพ์ลายนิ้วมือในหนังสือมอบอำนาจและพิมพ์ลายนิ้วมือแบบพิมพ์ถอนเงินแล้วนำไปถอนเงินให้แก่จำเลย พยานตอบคำถามค้านว่า หลังจากผู้มรณภาพออกจากโรงพยาบาลกลับไปที่วัด พยานได้ไปเยี่ยม 2 ครั้งผู้มรณภาพไม่เคยบอกว่าจะเรียกเงินคืน เข้าใจว่าผู้มรณภาพยกเงินจำนวนนี้ให้แก่จำเลย จากการที่ผู้มรณภาพพิมพ์ลายนิ้วมือในแบบพิมพ์ถอนเงินด้วยตนเองและใช้แบบพิมพ์นี้ถอนเงินในบัญชีเงินฝากให้แก่จำเลย ทั้งยังใช้วิธีเดียวกันนี้ถอนเงินจำนวนใกล้เคียงกันจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาตาคลี แล้วยกให้แก่นายโพธิ์ คร้ามอยู่ น่าเชื่อว่าผู้มรณภาพมีเจตนาจะยกเงินในบัญชีให้แก่จำเลยนอกจากนี้ยังได้ความจากพระครูนิภา ธรรมประจักษ์เจ้าคณะตำบลตากฟ้าว่า ขณะที่พยานรักษาการเจ้าคณะอำเภอตากฟ้าได้เรียกประชุมคณะสงฆ์ปรึกษาถึงเรื่องนี้ ที่ประชุมมีมติว่าผู้มรณภาพได้ยกเงินจำนวนนี้ให้แก่จำเลยแล้ว การฟ้องร้องคดีเรียกเงินคืนเป็นการเสื่อมเสียต่อคณะสงฆ์ ควรให้เลิกคดีเสียข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาฟังได้ว่าพระครูนภาเขตคณะรักษ์ผู้มรณภาพได้ยกเงินจำนวนตามฟ้องให้แก่จำเลยโดยเสน่หา กรรมสิทธิ์ในเงินย่อมตกเป็นของจำเลยนับแต่วันรับการยกให้เมื่อเงินจำนวนนี้ไม่ใช่ของผู้มรณภาพอีกต่อไป จึงไม่เป็นมรดกตกแก่โจทก์ แม้จำเลยจะมิได้ออกเงินช่วยค่าพยาบาลรักษาผู้มรณภาพ โจทก์ก็ฟ้องเรียกเงินคืนไม่ได้
พิพากษายืน

Share